Author: admin

  • Testimonials : “น้องตั้ม” University of Southampton

    Testimonials : “น้องตั้ม” University of Southampton

    เรื่องเล่าประสบการณ์ในต่างแดนของน้องๆ Exit’s Alumni

    ตามที่เคยเล่าไว้ใน Review ครั้งที่แล้วนะคะ ว่าจะขอแนะนำน้องที่มาเรียนต่ออังกฤษอีกคน
    มหาบัณฑิตคนเก่งของเรา  “น้องตั้ม” ณัฐพัชร์ สถิตวัฒนาวงศ์ – University of Southampton, UK

    [column col=”1/2″] 

    [/column]

    [column col=”1/2″]

     

    MSc Marketing Management,  University of Southampton – มหาวิทยาลัย Top 10 ของประเทศอังกฤษ

    น้องตั้มเป็นน้องชายที่น่ารัก เป็นกันเอง เรียนเก่งมากๆ แต่ไม่มีลุคหรือมาดของเด็กนักเรียนที่คงแก่เรียนเลย หากแต่จะมีเพียงความร่าเริงแจ่มใส่อยู่ตลอดเวลา จึงไม่แปลกที่น้องตั้มจะเป็นที่รักของเพื่อนๆและทุกๆคนที่พบเห็นนั่นเองค่ะ

    [/column]

    [space height=”15]

    น้องตั้มจบปริญญาตรีสาขา Business English จากมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ หรือ  ABAC ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.63 แน่นอนว่าได้รับเกียรตินิยมอันดับ 1 พร้อมกับจบการศึกษาระดับปริญญาโทจาก University of Southampton (SOTON) หลักสูตร MSc Marketing Management ด้วยคะแนนยอดเยี่ยม เป็นที่น่าภาคภูมิใจมากจริงๆค่ะ ปัจจุบันน้องตั้มทำงานที่ธนาคารกสิกรไทยค่ะ แผนก Financial Advisory Strategist (ผู้เชี่ยวชาญงานกลยุทธ์การให้คำปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล)

    [column col=”1/2″]

     

    ผมประทับใจในการเรียนและใช้ชีวิตที่ประเทศอังกฤษอย่างมาก 1 ปีแห่งชีวิตนักศึกษาปริญญาโทนั้นผมมีความสุขอย่างมาก ได้เรียนรู้ ได้แก้ปัญหาด้วยตนเอง ทำให้ผมเก่งขึ้นมาก มีเพื่อนๆมากมายหลากหลายประเทศ ทำให้ผมได้เรียนรู้ศึกษาวัฒนธรรมหลากหลาย

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    และพี่ Exit ก็ดูแลให้คำแนะนำผมเป็นอย่างดี วางแผนการศึกษาให้ผม ดูแลทุกขั้นตอนด้วยความใส่ใจ เหมือนผมเป็นน้องชายพี่แพทคนหนึ่ง ทำให้ผมรู้สึกประทับใจอย่างมากครับ การไปเรียนต่างประเทศนั้น ให้อะไรมากกว่าที่คุณคิดจริงๆนะครับ 

    สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
    Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

  • คิดอยากจะเรียนต่อประเทศอังกฤษในเมืองที่ไม่วุ่ยวาย คนไทยน้อย ค่าครองชีพไม่สูง ใช่หรือเปล่าคะ?

    คิดอยากจะเรียนต่อประเทศอังกฤษในเมืองที่ไม่วุ่ยวาย คนไทยน้อย ค่าครองชีพไม่สูง ใช่หรือเปล่าคะ?

    จาก Review ครั้งที่แล้ว พี่แพทได้แนะนำ “น้องวิทย์” ชัยวิทย์ ชีวินสิริวัฒน์ ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ที่ Staffordshire University ได้มาเล่าความประทับใจ ประสบการณ์และเรื่องราวต่างๆที่ต้องการแบ่งปันให้กับเพื่อนๆที่สนใจเรียนต่ออังกฤษไปนั้น ครั้งนี้จึงนำข้อมูล Staffordshire University และสถานที่ท่องเที่ยวของเมือง Stoke-on-Trent ที่น่าสนใจมาฝากค่ะ

    ( Testimonials : บทความเรื่องเล่าประสบการณ์ในต่างแดนของ “น้องวิทย์ “อ่านได้ที่  www.exiteducation.com/review/testimonials-vit-staffordshire-university-economics)

    –คิดอยากจะเรียนต่อประเทศอังกฤษในเมืองที่ไม่วุ่ยวาย คนไทยน้อย ค่าครองชีพไม่สูง ใช่หรือเปล่าคะ? วันนี้พี่แพทมีมหาวิทยาลัยที่ตอบโจทย์เหล่านี้ได้โดนใจน้องๆมาฝากค่ะ รับรองว่าถูกใจใช่เลยแน่นอนค่ะ–

    เรียนต่อประเทศอังกฤษกับมหาวิทยาลัยรัฐบาลในเมืองที่ค่าครองชีพไม่สูงอยู่สบาย พร้อมเป็นเมืองปลอดภัยอยู่แล้วสบายใจ คนไทยไม่เยอะซึ่งนั่นก็การันตีถึงโอกาสที่จะใช้ภาษาอังกฤษได้100% เพราะเพื่อนๆในห้องก็ล้วนเป็นต่างชาติหรือ local citizen (ชาวอังกฤษ) ทั้งนั้นนะคะ ดังนั้นเมื่อไม่มีนักเรียนไทยหรือมีน้อยแล้ว น้องๆก็จะได้ฝึกฝนภาษาอังกฤษตลอดเวลานะคะ มหาวิทยาลัยนี้ก็คือ Staffordshire University ตั้งอยู่ที่เมือง Stoke-on-Trent นั่นเองค่ะ เมืองนี้อยู่ใกล้ๆกับเมืองใหญ่ๆทั้งนั้นเลยนะคะ อย่าง Manchester, Birmingham หรือเมืองเล็กๆแต่มีชื่อเสียงด้านการศึกษาและกีฬาเช่นกันอย่างเมือง Liverpool นั่นเองค่ะ เรามาทำความรู้จักเมืองนี้กันมากขึ้นดีกว่านะคะ ก่อนที่จะพาไปรู้จักตัวมหาวิทยาลัยค่ะ

    [column col=”2/3″]

    Stoke-on-Trent เมืองนี้อ่านออกเสียงว่า “สะ-โตร๊ก-ออน-เทรนท์” ค่ะ เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆที่รายล้อมด้วยเมืองใหญ่นะคะ ข้อดีก็คืออย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้นไปแล้วว่าเมืองนี้ค่าครองชีพไม่สูง ผู้คนก็เป็นมิตร ทำให้เรามีความสบายใจว่าถ้าเราจะไปใช้ชีวิตเรียนที่เมืองนี้แล้วนั้น เราจะอยู่อย่างสบายใจไร้กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายและมีความปลอดภัยสูงค่ะ เอื้อประโยชน์แก่การเรียนของเราด้วยนะคะ เพราะว่าสภาพแวดล้อมเอื้อต่อการเรียนอย่างมาก แต่ว่าถ้าเราอยากจะไปเที่ยวเมืองใหญ่ๆ ก็สามารถนั่งรถไฟไปที่เมืองใกล้เคียงได้เลย เช่น Manchester, Birmingham, Liverpool ค่ะ โดยใช้เวลาเดินทางเพียง 30-40 นาทีเท่านั้น ซึ่งสถานีรถไฟของเมืองก็อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยนะคะ เดินได้เลยค่ะแค่ 2 นาทีเท่านั้นเอง หรือหากต้องการเข้าไปเที่ยว London ก็นั่งรถไฟได้ค่ะ ใช้เวลา 2 ชั่วโมงเท่านั้นนะคะ แต่ก็ใช่ว่าเมือง Stoke-on-Trent นี้จะไม่มีที่เที่ยวเลยนะคะ แม้ว่าเมืองนี้อาจจะไม่คึกคักเท่ากับเมืองใหญ่ๆ แต่ก็มีอะไรที่น่าค้นหาอีกมากมายนะคะ

    [/column]

    [column col=”1/3″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจเมือง Stoke-on-Trent

    Gladstone Pottery Museum : พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของแคว้นนี้ โด่งดังมากในเรื่องของเครื่องปั้นดินเผานั่นเอง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมที่ผู้คนที่มาเมืองนี้จะต้องแวะมาเยี่ยมชมนะคะ โรงเรียนและสถาบันศึกษาต่างๆก็ต่างพานักเรียนมาทัศนศึกษาหาความรู้ประวัติศาสตร์ของอังกฤษที่นี่ค่ะ ที่นี่เค้าจะให้นักเรียนและผู้สนใจทั่วไปมีโอกาสได้ลองขึ้นรูปและปั้นเครื่องปั้นดินเผาด้วยนะคะ

    Trentham Gardens : เป็นสวนหย่อมหรือ Park ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเมืองนี้ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันดับต้นๆของเมืองนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ น้องๆนักเรียนนักศึกษาที่เรียนที่เมืองนี้ ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงเด็กโต ครอบครัว เพื่อนฝูง ก็ต่างพากันมาพักผ่อนหย่อนใจที่สถานที่แห่งนี้ ซึ่งมีห้องน้ำสะอาดคอยบริการ และมีทางเข้าสำหรับรถเข็นอีกด้วย บรรยากาศรายล้อมไปด้วยสุมทุมพุ่มไม้ ต้นไม้ ดอกไม้นานาชนิด สวยงามและร่มรื่นอย่างมากค่ะ  น้องๆคนไหนชอบถ่ายรูปแนะนำว่าให้ไปที่นี่เลยค่ะ รับรองว่าแอ๊คชั่นได้ร้อยแอ๊คแน่นอนค่ะ แถมได้สูดอากาศสดชื่อบริสุทธิ์ด้วยนะคะ เอาหนังสือ ตำราเรียนมาอ่านก็ได้ค่ะ

    Cariba Creek : ใครจะไปเชื่อว่าอังกฤษก็มีสวนน้ำ แล้วเค้าเล่นกันจริงๆหรือเนี่ย? ไม่หนาวกันหรือไร? ใช่แล้วค่ะสถานที่แห่งนี้คือสวนน้ำนั่นเองนะคะ และในช่วง summer ของอังกฤษคือช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน-สิงหาคมค่ะ ช่วงนี้อากาศที่อังกฤษค่อนข้างอุ่น (สำหรับชาวอังกฤษนะคะ) สำหรับชาวไทยก็อาจจะเหมาะกับคนที่ขี้ร้อนและปรับตัวได้แล้วอะไรทำนองนั้น และบางปีช่วงหน้าร้อนที่อังกฤษก็จะอุ่นมากค่ะ (แต่ยังไงก็ยังไม่เท่ากับอากาศบ้านเราอยู่ดี) ทีนี้ฝรั่งน้อยใหญ่ก็ต่างกันพาลูกหลานมาเล่นน้ำที่สวนน้ำแห่งนี้นะคะ ผู้ใหญ่ก็เล่นได้นะคะ และไม่ใช่แค่สวนน้ำเท่านั้นค่ะ ที่นี่ยังมีเครื่องเล่นและกิจกรรมน่าสนุกอีกมากมายนะคะ อาจจะไม่ใหญ่เท่าสวนสยามบ้านเราแต่ก็ถือว่าเป็นสถานที่ ที่ amazing มากๆแห่งหนึ่งของเมืองนี้ที่ไม่ควรพลาดค่ะ

     

    เอาล่ะค่ะเที่ยวกันมาหลายที่แล้วนะคะ ก็บอกแล้วว่าเมืองนี้มีอะไรดีๆมากมายกว่าที่เราคิดค่ะ ทีนี้ก็ได้เวลาที่เราจะมาทำความรู้จักกับมหาวิทยาลัย Staffordshire University ที่อยู่ในเมือง Stoke-on-Trent แห่งนี้กันแล้วนะคะ

    Staffordshire University ก่อตั้งปี 1971 มี 2 วิทยาลัยเขต อยู่ที่เมือง 1. Stoke on Trent ตามที่กล่าวกันไปแล้วข้างต้นนี้นะคะ 2. วิทยาลัยเขต Staffordshire ซึ่งอยู่ห่างจากวิทยาลัยเขต Stoke on Trent เพียงหนึ่งสถานีรถไฟเท่านั้นค่ะ วิทยาลัยเขตนี้สำหรับนักศึกษาที่เรียน ทางด้าน Music, Journalism, Engineering and Information System ค่ะ ทีนี้เรามาดูหลักสูตรที่น่าสนใจกันดีกว่านะคะ

    ตัวอย่างหลักสูตรที่น่าสนใจที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้

    • Business → Financial, Economics, International Business, MBA
    • Computing Science → Computer Games Programming, Networks and Security
    • Arts & Media → Broadcast Journalism *ติดอันดับ1 ของอังกฤษในสาขานี้ค่ะ*, Film Production, Design Management, Music Technology
    • Engineering → Aeronautical, Automotive, Electrical, Electronic, Mechanical

    น้องๆจะเห็นว่าหลักสูตรที่นี่ค่อนข้างหลากหลายและเฉพาะด้านนะคะ ทำให้เราสามารถเลือกเรียนในสาขาที่เราต้องการได้เลยแบบเจาะจงและเจาะลึกค่ะ เราสนใจสาขาไหนก็ควรจะเรียนสาขานั้นโดยเฉพาะนะคะ เพื่อความเป็น Professional และ Expert เฉพาะด้านนั่นเองค่ะ

    และยังมีอีกมากมายหลายสาขานะคะ เข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมกันได้ที่นี่ค่ะ www.exiteducation.com/uk/staffordshire-university

    [message_box title=”ทุนเรียนต่ออังกฤษ : Staffordshire University” color=”red”]

    มหาวิทยาลัยมีทุนการศึกษาให้นักเรียนที่เรียนดีอีกด้วยนะคะ

    • ทุนการศึกษา £1,000 สำหรับนักเรียนที่มี  GPA 3.0 ขึ้นไป และจ่ายค่าเรียนเต็มจำนวน
    • ยกเว้นการสอบ IELTS ให้นักเรียนที่จบหลักสูตรภาษาอังกฤษจากมหาวิทยาลัย Assumption University (ABAC) อีกด้วยค่ะ
    • สำหรับนักเรียนทั่วๆไปมีเกณฑ์การรับที่ 6.0-6.5 ซึ่งขึ้นอยู่กับสาขาวิชานะคะ

    [/message_box]

    [space height=”15″]

     

    น้องๆที่สนใจเรียนต่ออังกฤษ และยังมองหามหาวิทยาลัยที่เหมาะกับตัวเองแล้วล่ะก็ Staffordshire University แห่งนี้ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากๆแห่งหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ ครั้งหน้าพี่แพทจะแนะนำน้องสุดเก่งของเรา มหาบัณฑิตจาก University of Southampton ค่ะ อย่าลืมติดตามนะคะ

     

    สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
    Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

  • Testimonials : “น้องวิทย์” Staffordshire University – Economics

    Testimonials : “น้องวิทย์” Staffordshire University – Economics

    เรื่องเล่าประสบการณ์ในต่างแดนของน้องๆ Exit’s Alumni

    วันนี้พี่แพ็ตตี้ขอแนะนำ “น้องวิทย์” ชัยวิทย์ ชีวินสิริวัฒน์ – Staffordshire University, UK

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [column col=”1/2″]

     

    ขณะนี้น้องวิทย์กำลังศึกษาอยู่ระดับปริญญาตรีชั้นปีที่ 3 สาขา Economics, Staffordshire University

    น้องวิทย์เป็นเด็กน่ารัก ขี้เล่น อารมณ์ดี เป็นน้องชายของเราอีกคนหนึ่งที่น่ารักมากๆ และน้องจะคอยอัพเดทข่าวคราวให้พี่ๆทีมงานได้ทราบตลอด

    [/column]

    [space height=”HEIGHT”]

    [column col=”1/2″]
    การได้มาใช้ชีวิตนักศึกษาในประเทศอังกฤษนี่ให้อะไรกับผมมากมายครับ ผมได้เรียนรู้การใช้ชีวิตด้วยตัวเอง ช่วยเหลือตัวเองเมื่อเราไม่ได้อยู่ใกล้คุณพ่อคุณแม่แล้ว เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะแก้ไขปัญหาด้วยตนเอง ดูแลตัวเอง และทำให้ผมได้เรียนรู้การจัดระเบียบชีวิตผมให้เข้าที่เข้าทางมากขึ้นครับ เมื่อก่อนจะทำอะไรก็ต้องให้คุณพ่อคุณแม่ท่านช่วยตัดสินใจ และคอยช่วยเหลือ แต่ตอนนี้ผมต้องทำทุกอย่างเอง แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตนเองทุกอย่าง ทำให้ผมโตเป็นผู้ใหญ่มาก
    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    และการที่ได้เรียนที่ Staffordshire University แห่งนี้ ทำให้ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายนอกจากตำราเรียนในห้อง ผมเป็นนักเรียนไทยคนเดียวในชั้น ทำให้ได้ใช้ภาษาอังกฤษเต็มที่ เพราะเมืองนี้คนไทยน้อย เป็นเมืองแบบ local อย่างแท้จริงครับ ผมได้เรียนรู้วิถีชีวิตของชาวอังกฤษแบบขนานแท้และดั้งเดิม แต่ผมก็ make friend กับเพื่อนๆหลากหลายชาตินะครับ ผมคิดว่ามันเป็น nationality mix ที่ดีมากๆเลยครับ การเรียนการสอนที่นี่ก็เข้มข้นและเคี่ยวมากๆเลยครับ ทำให้เวลาผมสอบผ่านวิชาอะไรก็ตาม ผมจะภาคภูมิใจมากๆ

    [/column]

    [space height=”15″]

    และที่ Exit Education นี้ก็ดูแลประสานงานช่วยเหลือผมอย่างดีมาโดยตลอดครับ เมื่อพฤษภาคมปีที่แล้ว 2012 พี่แพ็ตตี้และทีมงานก็มาเยี่ยมผมถึงมหาวิทยาลัยเลยครับ ทำให้ได้รับความรู้สึกที่อบอุ่นใจมากๆครับ

    สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
    Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

  • มาเรียนกันที่ “ดินแดนแห่งเมฆยาวสีขาว” กันเถอะ

    มาเรียนกันที่ “ดินแดนแห่งเมฆยาวสีขาว” กันเถอะ

    มาเรียนกันที่ “ดินแดนแห่งเมฆยาวสีขาว” กันเถอะ

    กำลังมองหาที่เรียนที่อยู่ในเมืองปลอดภัยทำให้ผู้ปกครองของนักเรียนเบาใจว่าลูกหลานของท่านจะปลอดภัยและมีความสุข สถานที่ในสภาพแวดล้อมที่ดี เอื้ออำนวยกับการเรียน ค่าครองชีพไม่สูง ผู้คนเป็นมิตร ธรรมชาติโอบล้อมหลีกหนีความวุ่ยวายในเมืองใหญ่ที่มากไปด้วยมลภาวะ สถานที่ที่พร้อมมอบโอโซนให้สูดลมหายใจเข้าไปสุดๆให้เต็มปอด พร้อมได้รับการเรียนการสอนและการดูแลจากคณะครูอาจารย์ด้วยความรัก เอาใจใส่และเป็นกันเองในราคาค่าเทอมที่เอื้อมถึงและมีทุนการศึกษาให้นักเรียนมากมายกันอยู่ใช่ไหมคะ?

    คุณสมบัติมากมายขนาดนี้ถือเป็นความต้องการขั้นพื้นฐานที่ผู้ปกครองและนักเรียนทุกคนต่างใฝ่หาและตั้งคำถามว่า จะไปหาสถาบันการศึกษาลักษณะนี้ได้ที่ไหน วันนี้พี่แพทมีสถาบันการศึกษาชั้นน้ำระดับ Premium แห่งหนึ่งมาแนะนำ และมั่นใจว่าจะตอบโจทย์ผู้ปกครองและน้องๆว่าที่นักเรียนทุกท่านที่กำลังมองหาสถับนที่มีคุณสมบัติตามที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนี้นะคะ

    ขอแอบเล่นเกมส์กับน้องๆและผู้ปกครองก่อนจะบอกว่าสถาบันนี้อยู่ที่ไหนนะคะ — บอกใบ้เล็กน้อยก่อนเฉลยว่าสถาบันนี้อยู่ในประเทศติดอันดับประเทศที่มีความปลอดภัยสูงที่สุดในโลก พร้อมกับคุณภาพชีวิตของประชากรที่ดี ระบบและมาตรฐานของการศึกษาดีเลิศ ประชากรไม่เยอะจนเกินไป ไม่พลุกพล่านเหมาะกับการศึกษาอย่างมาก สภาพภูมิประเทศสวยงามเต็มไปด้วยธรรมชาติ และเป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ฮอลิวู้ดชื่อดังมากมายหลายเรื่อง ใบ้ให้อีกนิดนึงว่า เช่น King Kong, Narnia ทั้ง 3 ภาค, Perfect Creature, บุกอาณาจักรโลก 10,000 ปี (10,000 BC), The Lord of the Ring, Bridge to Terabithia (สะพานมหัศจรรย์), X-Men 4 Origins Wolverine (กำเหนิดวูฟเวอรีน), The Last Samurai และอื่นๆอีกมากมาย ขอแบบอกว่าพี่แพทได้เคยมีโอกาสไปเยี่ยมชมโรงถ่ายมาแล้วด้วยนะคะ ตื่นตาตื่นใจอย่างมากเลยค่ะอย่าเอ็ดไปเชียว

    มีนักเรียนไทยหลายคนที่มีโอกาสได้เข้าไปแสดงเป็น extra ในภาพยนตร์ต่างๆดังกล่าว เนื่องจากว่าน้องๆเป็นนักเรียน นักศึกษาที่นั่นพอดี และมีการยกกองไปถ่ายทำภาพยนตร์อยู่บ่อยครั้ง ทำให้ทีมงานภาพยนตร์ต้องมาจ้างนักเรียนต่างๆชาติตามสถาบันต่างๆให้เข้าฉาก ซึ่งทำให้น้องๆนักเรียนเหล่านั้นได้ประสบาการณ์ที่ดีมากมาย — พอจะหลับตานึกถึงสถานที่ออกใช่ไหมคะ ว่าสวยงามอลังการแค่ไหน ใช่แล้วค่ะ เรากำลังพูดถึงประเทศแห่งแกะน้อยสีขาวและชนเผ่าเมาลี นั่นคือประเทศ “New Zealand” นั่นเองค่ะ ตอบถูกกันหรือเปล่าคะ ^^ สถานที่สวยงามน่าอยู่ น่าเรียนแค่ไหนก็ดูกันค่ะว่า ขนาดภาพยนตร์ฟอร์มหลายๆเรื่องยังต้องเลือก location มาถ่ายทำที่นี่กันเป็นว่าเล่นเลย

    **เข้าไปหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเทศนิวซีแลนด์ได้ที่เวปไซด์ของ Exit Education ได้ที่นี่ค่ะ www.exiteducation.com/about-new-zealand

    วันนี้จะขอแนะนำสถาบันชั้นนำระดับ Premium ของนิวซีแลนด์นะคะ รับรองอีกครั้งว่าจะตอบโจทย์ความต้องการทั้งหมดของนักเรียนและผู้ปกครองได้เป็นอย่างดีค่ะ

    สถาบัน IPC (International Pacific College)

    [column col=”1/2″]
    ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1987 นับว่าเป็นเวลาที่มากกว่า 26 ปีแล้วนะคะ โดย IPC ตั้งที่เมือง Palmerston North ซึ่งอยู่ติดกับเมืองหลวงของนิวซีแลนด์อย่าง Wellington ค่ะ น้องๆสามารถนั่งเครื่องบินจากไทยไปลงที่เวลลิงตันนี้ได้นะคะ แล้วนั่งรถต่อมาที่ Palmerston North ค่ะเพียง 2 ชม.เท่านั้นค่ะ เมืองนี้อ่านว่า “พาล-เมอ-ตัน-นอธ” ค่ะ เมืองสวย สงบ และน่าอยู่มาก ตามคุณสมบัติที่กล่าวไปแล้วข้างต้นทั้งหมดเลยค่ะ สถานที่น่าเรียนมากๆ ดูไปดูมาคล้ายๆเราได้เรียนในสวน หรือรีสอร์ทแสนเก๋ วิวและบรรยากาศสวยงามมาก ถ้าน้องๆคนไหนชอบถ่ายรูปแล้วล่ะก็ จะต้องกดชัตเตอร์กันเพลินเลยทีเดียวเชียว ^^ ทีมงาน Exit ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมเมืองและสถาบันนี้มาด้วยตัวเองเลยนะคะ จึงสามารถการันตีความน่าเรียนและน่าอยู่ของสถานที่และสถาบันนี้ได้เป็นอย่างดีค่ะ

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    ทำไมถึงควรเรียนที่นี่ IPC, International Pacific College? (ซึ่งตั้งอยู่ที่เมือง Palmerston North)

    • Internationally Recognized Qualifications: นั่นก็คือมาตรฐานในระบบการเรียนสอนที่นี่เป็นที่ยอมรับแบบสากล ทั้งในกระทรวงศึกษาธิการของนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย อังกฤษ ไทย และอื่นๆทั่วไป โดยหลักสูตรนี้ได้รับการรับรองคุณภาพขั้นสูงสุดจาก New Zealand Qualifications Authority (NZQA) ทำให้มั่นใจว่าเนื้อหาวิชา และหลักสูตรทุกอย่างมีมาตรฐานสูง
    • Successful Career Path Development: IPC ช่วยเหลือนักเรียนต่อเนื่องทั้งขณะที่ยังศึกษาอยู่จนกระทั่งจบการศึกษา และระหว่างภาคเรียนนั้น IPC จะใส่ใจกับผลการเรียนของนักเรียนทุกคน และหากพบว่านักเรียนมีปัญหาตรงส่วนไหน ก็จะเข้าไปโฟกัสดูแลแก้ไขปัญหาตรงจุดนั้นให้คลี่คลายอย่างดี และเมื่อนักเรียนอยู่ในช่วงใกล้จบการศึกษา IPC จะแนะแนวและดูแลนักเรียนทุกคนในการเตรียมความพร้อมจัดทำ Resume เพื่อเตรียมสมัครงานในสาขาที่ตนถนัด ช่วยเทรนนักเรียนให้มีคุณภาพเพื่อตอบโจทย์ของตลาดงานต่างๆ ทำให้มั่นใจว่าเรียนที่นี่แล้วมีงานที่ดีรอบรับแน่นอนค่ะ
    • High Quality Programmesมาตรฐานในหลักสูตรการเรียนการสอนสูง มากด้วยคุณภาพ วัดได้จากการทำวิจัยรวบรวมข้อมูลของศิษย์เก่าทุกคนที่เรียนจบจาก IPC แห่งนี้ส่วนใหญ่มี feedback ที่ดีจากนักเรียนทุกคนว่า นักเรียนที่เรียนจบหลักสูตรบริหารธุรกิจไปนั้น ได้นำความรู้ที่ได้เปิดกิจการของตัวเอง หรือเป็นผู้บริหารงานด้านธุรกิจในองค์กรใหญ่ๆมากมาย นั่นก็แสดงให้เห็นว่านักเรียนที่จบการศึกษาจาอกสถาบัน IPC แห่งนี้มีคุณภาพจริงๆนั่นเอง และเป็นที่ต้องการของตลาดงาน
    • Small Classes and Individual Support: อีกหนึ่งข้อดีที่ถือว่าเป็นกำไรและข้อได้เปรียบของนักเรียนที่ IPC แห่งนี้เมื่อเทียบกับที่อื่นคือ ห้องเรียนมีขนาดเล็ก จำนวนนักเรียนในชั้นมีน้อยทำให้นักเรียนทุกคนอยู่ในสายตาของครูผู้สอนได้อย่างทั่วถึง นักเรียนได้แสดงความคิดเห็น ถกเถียงกันในเรื่องของการเรียนหรือช่วยกัยระดมความคิดเพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยมีคณะครูอาจารย์ดูแลแบบเป็นกันเองเพราะจำนวนนักเรียนต่อห้องไม่เยอะมากอย่างที่กล่าวไปแล้วนั้น ทำให้การเรียนการสอนมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    • Multicultural and Friendly Environment: มีความหลากหลายของสัญชาติในนักเรียนที่เข้าเรียนในแต่ละชั้น ทำให้นักเรียนมีโอกาสศึกษาวัฒนธรรมของชาติอื่นๆ และได้เรียนรู้ เข้าใจ พร้อมปรับตัวให้เข้ากับผู้อื่นได้เป็นอย่างดีแม้จะต่างชาติ ต่างศาสนากัน แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้ ทำให้เมื่อนักเรียนสำเร็จการศึกษาแล้วและต้องไปใช้ชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งอาจต้องทำงานร่วมกับคนหลากหลายชาติ นักเรียนของ IPC นี้จะสามารถเรียนรู้และเข้าใจในธรรมชาติของคนชาตินั้นๆได้ดี และรู้วิธีปฏิบัติตนหรือมีเทคนิคในการติดต่อประสานงานกับคนหลากหลายสัญชาตินั้นได้เป็นอย่างดี
    •  IPC’s International Network: IPC มี Connection และ MOU กับหน่วยงาน สถาบัน หรือองค์ใหญ่ๆที่หลากหลาย นักเรียนสามารถโอนย้ายไปเรียนในสถาบันชั้นนำต่างๆได้ทั่วโลก เพราะหลักสูตรมีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับ รวมถึง IPC ยังมี Partner อีกมากมายซึ่งล้วนแล้วยังประโยชน์ต่อนักเรียนของ IPC ทั้งสิ้น

    ภาพถ่ายสถาบัน IPC จากมุมสูงโดยรอบแบบ Panorama และมุมต่างๆ

    หลักสูตรและการเรียนการสอนที่ IPC มีดังต่อไปนี้

    1. Bachelor of International Studies หลักสูตรปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ
    2. Graduate Diploma of International Studies หลักสูตรอนุปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ
    3. Post Graduate Diploma of International Studies หลักสูตรอนุปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ
    4. Master of International Studies ปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ (MIS)
    5.  Diploma of Japanese Studies (DJAST): IPC มีสาขาที่ญุ่ปุ่นด้วยนะคะ โดยหลักสูตรนี้เหมาะกับคนที่มีพื้นฐานภาษาญี่ปุ่นดีอยู่แล้วและอยากเสริมทักษะให้มากขึ้น โดยตลาดงานนี้เกี่ยวกับ ล่าม/มัคุเทศน์/Import – Export/คนที่ทำงานกับบริษัทชาวญี่ปุ่น
    6. TESOL: เรียนภาษาและฝึกฝนทักษะเพื่อประกอบอาชีพเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ โดย IPC จะมีใบประกาศนีบัตรรับรองวุฒิเพื่อใช้ประกอบวิชาชีพครูสอนภาษาได้อย่างถูกต้อง
    7. Diploma of International Sport Studies หลักสูตรนี้เกี่ยวกับการบริหารการกีฬา ฝึกความเป็นผู้นำ เป็นโค้ช/คูผู้ฝึกสอนและฝึกซ้อมกีฬาให้กับนักกีฬาระดับชาติ เรียนรู้ศาสตร์ทุกอย่างของการกีฬา การใช้กล้ามเนื้อ การใช้อุปกรณ์กีฬา ไปจนถึงการเป็นผู้บริหารกิจการด้านการกีฬา
    8. IPC Rugby Program เรียนรู้การเล่น กฎ กติกา และเทรนเพื่อเป็นนักกีฬาประเภทรักบี้ระดับทีมชาติ
    9. IPC Internship: เรียนที่นี่หลักสูตรการันตีว่าได้ฝึกงานกับหน่วยงานคุณภาพค่ะ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของนักเรียนด้วยนะคะว่าจะเหมาะสมกับงานนั้นๆหรือไม่
    10. IPC Exchange Program è IPV, Japan Okayama 20 สัปดาห์: หลักสูตรแลกเปลี่ยนที่ประเทศญี่ปุ่น เมืองโอกายาม่าเป็นเวลา 5 เดือนค่ะ

     

    ข้อมูลเรื่องทุนดีๆฟังทางนี้!!!!!!!!! IPC มีทุนให้มากถึง $NZD 7,000 ประหยัดไปเกือบ 2 แสนเลยทีเดียว!!!!!!

    —-ไปเรียนที่นิวซีแลนด์กับสถาบัน IPC กันดีกว่าค่ะ ให้Exit Education เป็นผู้ช่วยสานฝันด้านการศึกษาของทุกท่านให้เป็นจริงนะคะ—

     

    สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
    ติดต่อ Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

     

     ภาพประกอบ www.world-guides.com

  • ตอนที่ 2 – พระมหากรุณาธิคุณ

    ตอนที่ 2 – พระมหากรุณาธิคุณ

    ตอนที่ 2 – พระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5” ว่าด้วยเรื่องการศึกษา

    เสด็จพ่อร.5 ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษา และการขวนขวายหาความรู้เป็นอย่างมาก ทรงเชื่อว่าการศึกษาในห้องเรียนนั้นยังไม่เพียงพอกับความรู้ เราจะต้องก้าวออกไปข้างนอกห้องเรียน และเดินทางไปเสาะแสวงหาความรู้จากโลกภายนอกอีกด้วย ทราบหรือไม่ว่าพระองค์ทรงส่งพระราชโอรสของพระองค์เองไปศึกษาที่ต่างประเทศ เนื่องจากพระองค์ได้ทรงเล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษาเป็นอย่างมาก และจากการที่พระองค์ได้มีโอกาสเสด็จไปประพาส ณ ที่ต่างๆทั่วโลกนั้น ทำให้พระองค์เองได้นำความรู้และสิ่งต่างๆที่ดีๆ กลับมาสร้างสรรค์และพัฒนาประเทศสยามของเราให้พัฒนาทัดเทียมกับต่างประเทศอีกด้วย จากตอนที่ 1 ที่ได้กล่าวไปถึงพระราชกรณียกิจที่ทรงก่อตั้งริเริ่มและทำเพื่อเรามากมายนั้น ในตอนนี้จะขอกล่าวเน้นถึงด้านการศึกษาที่พระองค์ทรงให้ความสำคัญอย่างมาก

    เสด็จพ่อร.5ของพวกเราส่งพระราชโอรสไปเรียนต่างประเทศทุกๆพระองค์ทั่วทั้งยุโรป ทรงให้ลูกๆของพระองค์เขียนจดหมายกลับมาบอกเล่าเรื่องราวที่ได้พบเจอ พูดถึงการบ้าน สิ่งที่พบเห็น และต้องเขียนจดหมายกลับมาทั้งสิ้นอย่างน้อย 2 ภาษาด้วยกัน เช่น ภาษาไทยต้องเขียนอย่างแน่นอน ให้ถูกต้องชัดเจน จะได้ไม่ลืมถึงภาษาบ้านเกิดของตน, ภาษาอังกฤษก็จะต้องเขียนให้ถูกต้องตามหลักไวยยากรณ์ และหากพระองค์ไหนเสด็จไปศึกษาณ ประเทศอื่นๆในยุโรปก็จะต้องเขียนจดหมายกลับมาเป็นภาษานั้นๆเพิ่มด้วยเช่น หากเสด็จไปเรียนที่ฝรั่งเศส, อิตาลี, สวิสเซอร์แลนด์ ก็จะต้องเขียนจดหมายกลับมาให้เสด็จพ่อในภาษานั้นๆด้วย โดยมีใจความเดียวกันทั้งหมดทุกฉบับแต่แตกออกเป็น 2-3 ภาษานั่นเอง – ทั้งนี้เด็จพ่อร.5 ของเราต้องการจะให้ลูกๆของพระองค์นั้น ฝึกฝนภาษาได้เป็นอย่างดีและไม่ลืมภาษาไทยนั้นเอง อีกทั้งจะได้ทราบถึงข่าวคราวความเป็นไปของลูกๆทุกคนด้วย โดยพระราชโอรสทุกๆพระองค์นั้นแม้เป็นลูกเจ้านายลูกกษัตริย์ แต่ก็จะต้องดำเนินชีวิตเยี่ยงคนธรรมดาสามัญเมื่อครั้งไปเรียนไกลบ้าน พระองค์ทรงตรัสสอนลูกๆของพระองค์ว่า

    (ตัวสะกดตามต้นฉบับซึ่งเป็นภาษาโบราณจาก “พระบรมราโชวาท พระราชทานพระราชโอรสในรัชกาลที่๕ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระมาตุจฉา โปรดให้พิมพ์ ปีกุน พ.ศ. ๒๔๖๖ พิมพ์ที่โรงพิมพ์ไท ถนนรองเมือง”)

    “๑. การซึ่งจะให้ออกไปเรียนครั้งนี้ มีความประสงค์มุ่งหมายแต่จะให้ได้วิชาความรู้อย่างเดียวไม่มั่นหมายจะให้เปนเกียรติยศชื่อเสียงอย่างหนึ่งอย่างใดในชั้นซึ่งยังเปนผู้เรียนวิชาอยู่นี้เลย เพราะฉนั้นที่จะไปครั้งนี้ อย่าให้ไว้ยศว่าเปนเจ้า ให้ถือเอาบันดาศักดิ์เสมอลูกผู้มีตระกูลในกรุงสยามคืออย่าให้ใช้ฮิสรอแยลไฮเนสปรินส์นำน่าชื่อ ให้ใช้แต่ชื่อเดิมของตัวเฉยๆ เมื่อผู้อื่นเขาจะเติมน่าชื่อฤาจะเติมท้ายชื่อตามธรรมเนียมอังกฤษเปนมิศเตอร ฤาเอศไควก็ตามทีเถิด อย่าคัดค้านเขาเลย แต่ไม่ต้องใช้คำว่านายตามอย่างไทย ซึ่งเปนคำนำของชื่อลูกขุนนางที่เคยใช้แทนมิศเตอร์เมื่อเรียกชื่อไทยในภาษาอังกฤษบ่อยๆ เพราะว่าเปนภาษาไทยซึ่งจะทำให้เปนที่ฟังขัดๆหูไป

    ขออธิบายความประสงค์ข้อนี้ให้ชัดว่า เหตุใดจึงได้ไม่ให้ไปเปนยศเจ้า เหมือนอาว์ของตัวที่เคยไปแต่ก่อน ความประสงค์ข้อนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นเพราะไม่มีความเมตตากรุณา ฤาจะปิดบังส้อนเร้นไม่ให้รู้ว่าเปนลูกอย่างนั้นเลย พ่อคงรับว่าเปนลูก แลมีความเมตตากรุณาตามธรรมดาที่บิดาจะกรุณาต่อบุตร แต่เห็นว่าซึ่งจะเปนยศเจ้าไปนั้นไม่เปนประโยชน์อันใดแก่ตัวนัก ด้วยธรรมดาเจ้านายฝ่ายเขามีน้อย เจ้านายฝ่ายเรามีมาก ข้างฝ่ายเขามีน้อยตัวก็ยกย่องทำนุบำรุงกันใหญ่โตมากกว่าเรา ฝ่ายเราจะไปมียศเสมออยู่กับเขา แต่ความบริบูรณ์แลยศศักดิ์ไม่เต็มที่เหมือนอย่างเขา ก็จะเปนที่น้อยหน้าแลเห็นเปนเจ้านายเมืองไทยเลวไป และถ้าเปนเจ้านายแล้วต้องรักษายศศักดิ์ในกิจการทั้งปวง ที่จะทำทุกอย่าง เปนเครื่องล่อหูล่อตาคนทั้งปวงที่พอใจดูพอใจฟัง จะทำอันใดก็ต้องระวังตัวไปทุกอย่าง ที่สุดจนจะซื้อจ่ายอันใดก็แพงกว่าคนสามัญ เพราะเขาถือว่ามั่งมี เปนการเปลืองทรัพย์ในที่ไม่ควรจะเปลือง เพราะเหตุว่าถึงจะเปนเจ้าก็ดีเปนไพร่ก็ดี เมื่ออยู่ในประเทศมิใช่บ้านเมืองของตัว ก็ไม่มีอำนาจที่จะทำฤทธิ์เดชอันใดไปผิดกับคนสามัญได้ จะมีประโยชน์อยู่นิดหนึ่งแต่เพียงเข้าที่ประชุมสูงๆได้ แต่ถ้าเปนลูกผุ้ดีมีตระกูลก็จะเข้าในที่ประชุมสูงๆ ได้เท่ากันกับเปนเจ้านั่นเอง เพราะฉนั้นจึงขอห้ามเสียว่าอย่าให้ไปอวดอ้างเองฤาอย่างให้คนใช้สอยอวดอ้างว่าเปนเจ้านายอันใดจงประพฤติให้ถูกตามคำสั่งนี้

    ๒. เงินค่าที่จะใช้สอยในการเล่าเรียนกินอยู่นุ่งห่มทั้งปวงนั้น จะใช้เงินพระคลังข้างที่ คือเงินที่เปนส่วนสิทธิ์ขาดแก่ตัวพ่อเอง ไม่ใช่เงินที่สำหรับจ่ายราชการแผ่นดิน เงินรายนี้ได้ฝากไว้ที่แบงก์ซึ่งจะได้มีคำสั่งให้ราชฑูตจ่าย เปนเงินสำหรับเรียนวิชาขั้นต้น ๕ ปีๆ ละ ๓๒0 ปอนด์ เงิน ๑๖00 ปอนด์ สำหรับเรียนวิชาชั้นหลังอีก ๕ ปีๆ ละ ๔00 ปอนด์ เงิน ๒000 ปอนด์ รวมเปนคนละ ๓๒00 ปอนด์ จะได้รู้วิชาเสร็จสิ้นอย่างชาใน ๑0 ปี แต่เงินนี้ฝากไว้ในแบงก์คงจะมีดอกเบี้ยมากขึ้น เหลือการเล่าเรียนแล้วจะได้ใช้ประโยชน์ของตัวเองตามชอบใจ เปนส่วนยกให้ เงินส่วนของใครจะให้ลงชื่อเปนของผู้นั้นฝากเอง แต่ในกำหนดยังไม่ถึงอายุ ๒๑ ปีเต็ม จะเรียกเอาเงินใช้สอยเองมิได้ จะตั้งผู้จัดการแทนไว้ที่นอกให้เปนผู้ช่วยจัดการไป เงินฝากไว้แห่งใดเท่าใดแลผู้ใดเปนผู้จัดการ จะได้ทำหนังสือมอบให้อีกฉบับหนึ่ง สำหรับที่จะได้ไปทวงเอาในเวลาต้องการได้

    การซึ่งใช้เงินพระคลังข้างที่ไม่ใช้เงินแผ่นดินอย่างเช่นเคยจ่ายให้เจ้านายและบุตรข้าราชการไปเล่าเรียนแต่ก่อนนั้น เพราะเห็นว่าพ่อมีลูกมากด้วยกัน การซึ่งให้มีโอกาศแลให้ทุนทรัพย์ซึ่งจะได้เล่าเรียนวิชานี้ เปนทรัพย์มรดกอันประเสริฐดีกว่าทรัพย์สินเงินทองอื่นๆ ด้วยเปนของติดตัวอยู่ได้ไม่มีอันตรายที่จะเสื่อมสูญ ลูกคนใดที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดก็ดี ฤาไม่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดก็ดี ก็จะต้องส่งออกไปเรียนวิชาทุกคนตลอดโอกาศที่จะเปนไปได้ เหมือนหนึ่งได้แบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ลูกเสมอๆกันทุกคน ก็ถ้าจะใช้เงินแผ่นดินสำหรับให้ไปเล่าเรียน แก่ผู้ซึ่งไม่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด กลับมาไม่ได้ทำราชการคุ้มกับเงินแผ่นดินที่ลงไป ก็จะเปนที่ติเตียนของคนบางจำพวกว่ามีลูกมากเกินไป จนต้องใช้เงินแผ่นดินเปนค่าเล่าเรียนมากมายเหลือเกิน แล้วซ้ำไม่เลือกฟั้นเอาแต่ที่เฉลียวฉลาดจะได้ราชการ คนโง่คนเง่าก็เอาไปเล่าเรียนให้เปลืองเงิน เพราะค่าที่เปนลูกของพ่อไม่อยากจะให้มีมลทินที่พูดติเตียนเกี่ยวข้องกับความปราถนาซึ่งจะสงเคราะห์แก่ลูก ให้ทั่วถึงโดยเที่ยงธรรมนี้ จึงมิได้ใช้เงินแผ่นดิน

    อิกประการหนึ่งเล่า ถึงว่าเงินพระคลังข้างที่นั้นเอง ก็เปนเงินส่วนหนึ่งในเงินแผ่นดินเหมือนกัน เว้นแต่เปนส่วนที่ยกให้แก่พ่อใช้สอยการในตัว มีทำการกุศลแลสงเคราะห์บุตรภรรยาเปนต้น เห็นว่าการสงเคราะห์ด้วยเล่าเรียนดังนี้เปนดีกว่าอย่างอื่นๆ จึงได้เอาเงินรายนี้ใช้เปนการมีคุณต่อแผ่นดิน ที่ไม่ต้องแบ่งเงินแผ่นดินมาใช้เปนค่าเล่าเรียนขึ้นอิกส่วนหนึ่ง แลพ้นจากคำคัดค้านต่างๆ เพราะเหตุที่พ่อได้เอาเงินส่วนที่พ่อจะได้ใช้เองนั้นออกให้เล่าเรียน ด้วยเงินรายนี้ไม่มีผู้หนึ่งผู้ใดที่จะแซกแซงว่าควรใช้อย่างนั้น ไม่ควรใช้อย่างนั้นได้เลย

    ๓. จงรู้สึกตัวเปนนิจเถิด ว่าเกิดมาเปนเจ้านายมียศบันดาศักดิ์มากจริงอยู่ แต่ไม่เปนการจำเปนเลยที่ผู้ใดเปนเจ้าแผ่นดินขึ้น จะต้องใช้ราชการอันเปนช่องที่จะหาเกียรติยศชื่อเสียงแลทรัพย์สมบัติ ถ้าจะว่าตามการซึ่งเปนมาแต่ก่อน เจ้านายซึ่งจะหาช่องทำราชการได้ยากกว่าลูกขุนนาง เพราะเหตุที่เปนผู้มีวาศนาบันดาศักดิ์มากจะรับราชการในตำแหน่งต่ำๆ ซึ่งเปนกระไดขั้นแรก คือเปนนายรองหุ้มแพรมหาดเล็กเปนต้น ก็ไม่ได้เสียแล้ว จะไปแต่งตั้งให้ว่าการใหญ่โตสมแก่ยศศักดิ์ เมื่อไม่มีวิชาการความรู้แลสติปัญญาพอที่จะทำการในตำแหน่งนั้นไปได้ ก็เปนไปไม่ได้ เพราะฉนั้นเจ้านายจะเปนผู้ได้ทำราชการมีชื่อเสียงดี ก็อาศรัยได้แต่สติปัญญาความรู้แลสติปัญญาความรู้แลความเพียรของตัว เพราะฉนั้นจงอุสาหะเล่าเรียนโดยความเพียรอย่างยิ่ง เพื่อจะได้มีโอกาศที่จะทำการให้เปนคุณแก่บ้านเมืองของตัว แลโลกที่ตัวได้มาเกิด ถ้าจะถือว่าเกิดมาเปนเจ้านายแล้วนิ่งๆอยู่จนตลอดชีวิตก็เปนสบายดังนั้น จะไม่ผิดอันใดกับสัตวดิรัจฉานอย่างเลวนัก สัตวดิรัจฉานมันเกิดมา กินๆ นอนๆ แล้วก็ตาย แต่สัตวบางตัวยังมีหนังมีเขามีกระดูกเปนประโยชน์ได้บ้าง แต่ถ้าคนประพฤติอย่างเช่นสัตวดิรัจฉานแล้ว จะไม่มีประโยชน์อันใดยิ่งกว่าสัตวดิรัจฉานบางพวกไปอีก เพราะฉนั้นจงอุสาหะที่จะเรียนวิชาเข้ามาเปนกำลังที่จะทำตัวให้ดีกว่าสัตวดิรัจฉานให้จงได้ จึงจะนับว่าเปนการได้สนองคุณพ่อ ซึ่งได้คิดทำนุบำรุงเพื่อจะให้ดีตั้งแต่เกิดมา

    ๔ อย่าได้ถือตัวว่าตัวเปนลูกเจ้าแผ่นดิน พ่อมีอำนาจยิ่งใหญ่อยู่ในบ้านเมือง ถึงจะเกะกะไม่กลัวเกรงคุมเหงผู้ใด เขาก็คงจะมีความเกรงใจพ่อไม่ต่อสู้ฤาไม่อาจฟ้องร้องว่ากล่าว การซึ่งเชื่อใจดังนั้นเปนการผิดแท้ทีเดียว เพราะความปราถนาของพ่อไม่อยากจะให้ลูกมีอำนาจที่จะเกะกะอย่างนั้นเลย เพราะรู้เปนแน่ว่าเมื่อรักลูกเกินไป ปล่อยให้ไม่กลัวใครแลประพฤติการชั่วดังนั้น คงจะเปนโทษแก่ตัวลูกนั้นเองทั้งในประจุบันอนาคต เพราะฉนั้นจงรู้เถิดว่าถ้าเมื่อได้ทำความผิดเมื่อใด จะได้รับโทษโดยทันที การที่มีพ่อเปนเจ้าแผ่นดินนั้น จะไม่เปนการช่วยเหลืออุดหนุนแก้ไขอันใดได้เลย อิกประการหนึ่งชีวิตสังขารของมนุษย์ไม่ยั่งยืนยืดยาวเหมือนเหล็กเหมือนศิลาถึงโดยว่าจะมีพ่ออยู่ในขณะหนึ่ง ก็คงจะมีเวลาที่ไม่มีได้ขณะหนึ่งเปนแน่แท้ ถ้าประพฤติความชั่วเสียแต่ในเวลามีพ่ออยู่แล้ว โดยจะปิดบังซ่อนเร้นอยู้ได้ด้วยอย่างใดอย่างหนึ่ง เวลาไม่มีพ่อความชั่วนั้นคงจะปรากฎเปนโทษติดตัวเหมือนเงาตามหลังอยู่ไม่ขาด เพราะฉนั้นจงเปนคนอ่อนน้อมว่าง่ายสอนง่าย อย่าให้เปนทิษฐิมานะไปในทางที่ผิด จงประพฤติตัวหันหาทางที่ชอบที่ถูกอยู่เสมอเปนนิจเถิด จงละเว้นทางที่ชั่วซึ่งรู้ได้เองแก่ตัวฤามีผู้ตักเตือนแนะนำ ให้รู้แล้วอย่าให้ล่วงให้เปนไปได้เลยเปนอันขาด

    ๕ เงินทองที่จะใช้สอยในค่ากินอยู่นุ่งห่มฤาใช้สอยเบ็ดเสร็จทั้งปวง จงเขม็ดแขม่ใช้แต่เพียงพอที่จะอนุญาติให้ใช้ อย่าทำใจโตมือโตสุรุ่ยสุร่ายโดยถือตัวว่าเปนเจ้านายมั่งมีมาก ฤาถือว่าพ่อเปนเจ้าแผ่นดินมีเงินทองถมไป ขอบอกเสียให้รู้แต่ต้นมือว่าถ้าผู้ใดไปเปนหนี้มา จะไม่ยอมใช้หนี้ให้เลย ฤาถ้าเปนการจำเปนจะต้องใช้ จะไม่ใช้เปล่าโดยไม่มีโทษแก่ตัวเลย พึงรู้ไว้เถิดว่าต้องใช้หนี้เมื่อใด ก็จะต้องรับโทษเมื่อนั้นพร้อมกัน อย่าเชื่อถ้อยคำผู้ใด ฤาอย่าหมายใจว่าโดยจะใช้สุรุ่ยสุร่ายไปเหมือนอย่างเช่นคนเขาไปแต่ก่อนๆ แต่พ่อเขาเปนขุนนางเขายังใช้กันได้ไม่ว่าไรกัน ถ้าคิดดังนั้นคาดดังนั้นเปนผิดแท้ทีเดียว พ่อรักลูกจริงแต่ไม่รักลูกอย่างชนิดนั้นเลย เพราะรู้เปนแน่ว่าถ้าจะรักอย่างนั้นตามใจอย่างนั้น จะไม่เปนการมีคุณอันใดแก่ตัวลูกผู้ได้ความรักนั้นเลย เพราะจะเปนผู้ไม่ได้วิชาที่ปราถนาจะให้ได้ จะไปได้แต่วิชาที่จะทำให้เสียชื่อเสียง แลได้ความร้อนใจอยู่เปนนิจ จงนึกไว้ให้เสมอว่าเงินทองที่แลเห็นมากๆ ไม่ได้เปนของหามาได้โดยง่ายเหมือนเวลาที่จ่ายไปง่ายนั้นเลย เงินที่ส่วนตัวได้รับเบี้ยหวัดฤาเงินกลางปีอยู่เสมอนั้น ก็ด้วยอาศรัยเปนลูกพ่อ ส่วนเงินที่พ่อได้ฤาลูกได้เพราะพ่อนั้น ก็เพราะอาศรัยที่พ่อเปนผู้ทำนุบำรุงรักษาบ้านเมืองแลราษฎรผู้เจ้าของทรัพย์นั้นก็เฉลี่ยเรี่ยรายกันมาให้ เพื่อจะให้เปนกำลังที่จะหาความสุขคุ้มกับค่าที่เหน็ดเหนื่อย ที่ต้องรับการในตำแหน่งอันสูง คือเปนผู้รักษาความสุขของเขาทั้งปวง เงินนั้นไม่ควรจะนำมาจำหน่ายในการที่ไม่เปนประโยชน์ ไม่เปนเรื่อง แลเปนการไม่มีคุณ กลับให้โทษแก่ตัว ต้องใช้แต่ในการจำเปนที่จะต้องใช้ ซึ่งจะเปนการมีคุณประโยชน์แก่ตนแลผู้อื่นในทางชอบธรรม ซึ่งจะเอาไปกอบโกยใช้หนี้ให้แก่ผู้ลูกผู้ทำความชั่วร้ายจนเสียทรัพย์ไปนั้น สมควรอยู่ฤา เพราะฉนั้นจึงต้องว่าไม่ยอมที่จะใช้หนี้ให้ โดยว่าจะต้องใช้ให้ก็จะต้องมีโทษ เปนประกันมั่นใจว่าจะไม่ต้องใช้อิก เพราะจะเข็ดหลาบในโทษที่ทำนั้นจึงจะยอมใช้ให้ได้ ใช้ให้เพราะจะไม่ให้ทรัพย์ผู้อื่นสูญเสียเท่านั้น ใช่จะใช้ให้โดยความรักใคร่อย่างบิดาให้บุตรเมื่อมีความยินดีต่อความประพฤติของบุตรนั้นเลย เพราะฉนั้นจงจำไว้ตั้งใจอยู่ให้เสมอว่าตัวเปนคนจน มีเงินใช้แฉพาะแต่ที่จะรักษาความสุขของตัวพอสมควรเท่านั้น ไม่มั่งมีเหมือนใครๆอื่น แลไม่เหมือนกับผู้ดีฝรั่งเลย ผู้ดีฝรั่งเขามั่งมีสืบตระกูลกันมาด้วยได้ดอกเบี้ยค่าเช่าต่างๆ ตัวเองเปนผู้ได้เงินจากราษฏรเลี้ยง พอสมควรที่จะเลี้ยงชีวิตแลรักษาเกียรติยศเท่านั้น อย่าไปอวดมั่งอวดมีทำเทียบเทียมเขาเขาให้ฟุ้งซ่านไปเปนอันขาด

    อิกอย่างหนึ่ง จะนึกเอาเองว่าถึงโดยเปนหนี้สินลงอย่างไร พ่อจะไม่ใช้ฤาจะให้ใช้ก็กลัวต้องทำโทษ คิดว่าเงินทองของตัวที่ได้ปีหนึ่งปีหนึ่งมีอยู่ทั้งเบี้ยหวัดแลเงินกลางปี เวลาออกไปเรียนไม่ได้ใช้ เงินรายนี้เก็บรวมอยู่เปล่าๆ จะเอาเงินรายนี้ใช้หนี้เสีย ต่อไปก็คงได้ทุกปี ซึ่งจะคิดอย่างนี้แล้วแลจับจ่ายเงินทองจนต้องเปนหนี้กลับเข้ามานั้น ก็เปนการไม่ถูกเหมือนกัน เพราะว่าผลประโยชน์อันใดที่จะได้อยู่ในเวลามีพ่อกับเวลาไม่มีพ่อนั้น จะถือเอาเปนแน่ว่าจะคงที่อยู่นั้นไม่ได้ แลยิ่งเปนผู้ใหญ่ขึ้น ก็จะมีบ้านเรือนบุตรภรรยามากขึ้น คงต้องใช้มากขึ้น เงินที่จะได้นั้นบางทีก็จะไม่พอ จะเชื่อว่าวิชาที่ตัวไปเรียนจะเปนเหตุให้ได้ทำราชการได้ผลประโยชน์ทันใช้หนี้ก็เชื่อไม่ได้เพราะเหตุที่ตัวเปนเจ้านาย ถ้าบางทีจะเปนเวลากีดขัดข้องเพราะเปนเจ้านายนั้นก็จะทำอะไรไม่ได้เลย ถ้าจะหันไปข้างทำมาหากิน ซึ่งเปนการยากที่จะทำ เพราะเปนเจ้าเหมือนกัน คือไปรับจ้างเขาเปนเสมียนไม่ได้เปนต้น เมื่อทุนรอนที่มีเอาไปใช้หนี้เสียหมดแล้ว จะเอาอันใดเปนทุนรอนทำมาหากินเล่า เพราะฉนั้นจึงว่าถ้าจะคิดใช้อย่างเช่นนี้ ซึ่งตัวจะคิดเห็นว่าเปนอันไม่ต้องกวนพ่อแล้วนั้น ก็ยังเปนการเสียประโยชน์ภายน่ามาก ไม่ควรจะก่อให้มีให้เปนขึ้น

    ๖. วิชาที่จะออกไปเรียนนั้น ก็คงต้องเรียนภาษาแลหนังสือในสามภาษา คืออังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน ให้ได้แม่นยำชัดเจนคล่องแคล่ว จนถึงแต่งหนังสือได้สองภาษาเปนอย่างน้อย เปนวิชาหนังสืออย่างหนึ่ง กับวิชาเลขให้เรียนรู้คิดได้ใช้ได้ในการต่างๆ อิกอย่างหนึ่งนี้เปนต้น วิชาสองอย่างที่จำเปนจะต้องเรียนรู้ให้ได้จริงๆ เปนชั้นต้น แต่วิชาอื่นๆ ที่จะเรียนต่อไปให้เปนวิชาชำนาญวิเศษในกิจการข้างวิชานั้น จะตัดสินเปนแน่นอนว่าให้เรียนสิ่งใดในเวลานี้ก็ยังไม่ควร จะต้องไว้เปนคำสั่งต่อภายหลัง เมื่อรู้วิชาชั้นต้นพอสมควรแล้ว แต่บัดนี้จะขอตักเตือนอย่างหนึ่งก่อนว่าซึ่งให้ออกไปเรียนภาษาวิชาการในประเทศยุโรปนั้น ใช่ว่าจะต้องการเอามาใช้แต่เฉพาะภาษาฝรั่งฤาอย่างฝรั่งนั้นอย่างเดียว ภาษาไทยแลหนังสือไทยซึ่งเปนภาษาของตัว หนังสือของตัว คงจะต้องใช้อยู่เปนนิจ จงเข้าใจว่าภาษาต่างประเทศนั้นเปนแต่พื้นของความรู้ เพราะวิชาความรู้ในหนังสือไทยที่มีผู้แต่งไว้นั้นเปนแต่ของเก่าๆมีน้อย เพราะมิได้สมาคมกับชาติอื่นช้านาน เหมือนวิชาการในประเทศยุโรป ที่ได้สอบสวนซึ่งกันแลกัน จนเจริญรุ่งเรืองมากแล้วนั้น ฝ่ายหนังสือไทยจึงไม่พอที่จะเล่าเรียน จึงต้องไปเรียนภาษาอื่นเพื่อจะได้เรียนวิชาให้กว้างขวางออก แล้วจะเอากลับลงมาใช้เปนภาษาไทยทั้งสิ้น เพราะฉนั้นจะทิ้งภาษาของตัว ให้ลืมถ้อยคำที่จะพูดให้ลืมเสียฤาจะลืมวิธีเขียนหนังสือไทย ที่ตัวได้ฝึกหัดแล้วเสียนั้นไม่ได้เลย ถ้ารู้แต่ภาษาต่างประเทศ ไม่รู้เขียนอ่านแปลลงเปนภาษาไทยได้ ก็ไม่เปนประโยชน์อันใด ถ้าอย่างนั้นหาจ้างแต่ฝรั่งมาใช้เท่าไรเท่าไรก็ได้ ที่ต้องการนั้นต้องให้กลับแปลภาษาต่างประเทศลงเปนภาษาไทยได้ จึงจะนับว่าเปนประโยชน์ อย่าตื่นตัวเองว่าได้ไปร่ำเรียนภาษาฝรั่งแล้วลืมภาษาไทย กลับเห็นเปนการเก๋การกี๋อย่างเช่นนักเรียนบางคนมักจะเห็นผิดไปดังนั้น แต่ที่จริงเปนการเสียที่จะควรติเตียนแท้ทีเดียว เพราะเหตุฉนั้นในเวลาที่ออกไปเรียนวิชาอยู่ ขอบังคับว่าให้เขียนหนังสือถึงพ่อทุกคน อย่างน้อยเดือนละฉบับ เมื่อเวลายังเขียนหนังสืออังกฤษไม่ได้ ก็เขียนมาเปนหนังสือไทย ถ้าเขียนหนังสืออังกฤษฤาภาษาหนึ่งภาษาใดได้ ให้เขียนภาษาอื่นนั้นมาฉบับหนึ่ง ให้เขียนคำแปลเปนหนังสือไทยอิกฉบับหนึ่ง ติดกันมาอย่าให้ขาด เพราะเหตุที่ลูกยังเปนเด็ก ไม่ได้เรียนภาษาไทยแน่นอนมั่นคง ก็ให้อาศรัยไต่ถามครูไทยที่ออกไปอยู่ด้วยฤาค้นดูตามหนังสือภาไทยซึ่งได้จัดออกไปให้ด้วย คงจะพอหาถ้อยคำที่จะใช้แปลออกเปนภาษาไทยได้ แต่หนังสือไทยที่จะเปนกำลังช่วยอย่างนี้ยังมีน้อยจริง เมื่อเขียนเข้ามาคำใดผิดจะติเตียนออกไปแล้วจงจำไว้ใช้ให้ถูกต่อไปภายน่า อย่าให้มีความกลัวความกระดากว่าจะผิดให้ทำตามที่เต็มความอุสาหะความแน่ใจว่าเปนถูกแล้ว เมื่อผิดก็แก้ไปไม่เสียหายอันใด

    ๗. จงรู้ว่าการเล่าเรียนของลูกทั้งปวงนั้นอาว์ของเจ้ากรมหมื่นเทวะวงศวโรประการได้รับปฏิญาณต่อพ่อว่า จะตั้งใจอุสาหะเปนธุระในการเล่าเรียนของลูกทั้งปวง ทั้งในประจุบันและภายน่าพ่อได้มีความวางใจมอบธุระสิทธิ์ขาดแก่กรมหมื่นเทวะวงศวโรประการเปนธุระทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในกรุงเทพฯ เมื่อมีธุระขัดข้องประการใดให้มีหนังสือมาถึงกรมหมื่นเทวะวงศ์ฯ ก็จะรู้ตลอดได้ถึงพ่อ แลกรมหมื่นเทวะวงศ์ฯ นั้นคงจะเอาธุระทำนุบำรุงทุกสิ่งทุกอย่างให้สำเร็จตลอดไปได้ ส่วนที่ในประเทศยุโรปนั้น ถ้าไปอยู่ในประเทศใดที่มีราชฑูตของเราอยู่ ราชฑูตคงจะเอาเปนธุระดูแลทุกสิ่งทุกอย่าง เมื่อมีการขัดข้องลำบากประการใด จงชี้แจงแจ้งความให้ท่านราชฑูตทราบ คงจะจัดการได้ตลอดไป เมื่อไปอยู่ในโรงเรียนแห่งใด จงประพฤติการให้เรียบร้อยตามแบบอย่างซึ่งเขาตั้งลงไว้ อย่าเกะกะวุ่นวาย เชื่อตัวเชื่อฤทธิ์ไปต่างๆ จงอุสาหะพากเพียรเรียนวิชาให้รู้มาได้ช่วยกำลังพ่อเปนที่ชื่นชมยินดี สมกับที่มีความรักนั้นเถิด”

     

    — จากเนื้อความในจดหมายตามที่ได้อ่านนี้ รู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากเลยใช่ไหมคะทุกท่าน Exit เองก็อ่านจบหลายรอบแล้วแต่ก็จะมีน้ำตารื้นทุกครั้ง กลั้นไม่อยู่จริงๆ เนื่องจากซาบซึ้งในสิ่งที่พระองค์ทรงปลูกฝังและสอนลูกๆของพระองค์เรื่องการใช้ชีวิตเรียนหนังสือในต่างแดน พระองค์ทรงเป็นผู้ริเริ่ม และจุดประกาย พร้อมส่งเสริมให้เด็กไทย หันมาตระหนักถึงความสำคัญของการศึกษาทั้งในและต่างประเทศค่ะ

    ทีนี้ก็ทราบกันแล้วนะคะว่าที่มาของการศึกษาต่อต่างประเทศนั้น ใครเป็นผู้ริเริ่มจุดประกาย และคงจะทราบกันดีว่าพระองค์นี้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อพวกเราในทุกๆด้านจริงๆ อย่างหาที่เปรียบมิได้ ถึงแม้ว่าวันนี้เราจะไม่มีพระองค์แล้ว แต่เสด็จพ่อร.5ของเรา ก็จะยังคงอยู่ในหัวใจของเราชาวสยามตลอดไปตราบนานเท่านานค่ะ

    ทุกๆท่านสามารถไปสักการะบูชาพระองค์ได้ที่ลานพระบรมรูปทรงม้านะคะ ควรบูชาทุกวันอังคาร ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระองค์ และวันพฤหัสบดีอันเป็นวันครูเครื่องสักการะให้ถวาย

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    1. น้ำมะพร้าวอ่อน
    2. กล้วยน้ำว้า
    3. ทองหยิบ
    4. ทองหยอด
    5. บรั่นดี
    6. ซิการ์
    7. ข้าวคลุกกะปิ
    8. ดอกกุหลาบสีชมพู

    [/column]

    [space height=”15″]

    สุดท้ายนี้ Exit อยากให้ทุกๆท่านเล็งเห็นถึงความสำคัญของการศึกษานะคะ การเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศนั้น ได้อะไรมากกว่าที่คุณคิดจริงๆค่ะ อย่างที่พระองค์ทรงสอนลูกๆทั้งหมดถึงประโยชน์และความสำคัญของการศึกษานะคะ พวกเราถือเป็นคนรุ่นใหม่ที่โชคดี ได้เกิดมาตอนที่ประเทศของเราเจริญและพัฒนาแล้ว การติดต่อสื่อสาร เทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก ทำให้โลกใบนี้แคบลงนิดเดียวเท่านั้น การไปเรียนต่างประเทศก็ไม่ยุ่งยากหรือลำบากอย่างที่คิด เราเองไปเรียนก็จะได้ภาษาอยู่แล้วเป็นผลประโยชน์โดยตรง แต่เราจะได้รับประโยชย์มากมายทางอ้อมอาทิ ได้ศึกษาและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เรียนรู้การอยู่ร่วมกับผู้อื่นแม้ต่างชาติ ต่างศาสนา ต่างภาษา แต่เราก็สามารถเป็นเพื่อนกันได้ ได้เดินทางเห็นสถานที่ใหม่ๆ ที่เราไม่เคยเห็น มีโอกาสแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าด้วยตัวเองยามที่ต้องอยู่ห่างไกลจากคุณพ่อคุณแม่ หากมีโอกาสแล้ว จะต้องรีบคว้าไว้ให้จงได้นะคะ และทำให้ดีที่สุด อย่าท้อถอยเด็ดขาด ให้สมกับโอกาสที่เราได้รับค่ะ

    หากต้องการให้เราช่วยวางแผนการศึกษาต่างประเทศให้ อย่ารีรอที่จะทำอนาคตของท่านให้สดใสนะคะ ติดต่อ Exit Education ได้เลยค่ะ แล้วคำว่า International และโลกกว้างนั้น ก็จะอยู่ใกล้แค่เอื้อม และคำว่า Successful ก็จะอยู่ในกำมือเราค่ะ 

    รูปภาพ : www.chaipat.or.thwww.oknation.net

    ติดต่อ Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

  • ตอนที่ 1 พระราชาที่ทรงเป็นพระผู้ให้

    ตอนที่ 1 พระราชาที่ทรงเป็นพระผู้ให้

    ตอนที่ 1 พระราชาที่ทรงเป็นพระผู้ให้ และเป็นผู้สร้างสิ่งอันเป็นประโยชน์นานัปการมากมายแก่เราชาวไทย รวมถึงทรงส่งเสริมและเห็นคุณค่าของการศึกษาทั้งในและต่างประเทศเป็นอย่างมาก – พระมหากษัตรย์ไทยราชวงศ์จักรีรัชกาลที่ 5

    เราได้อะไรจากการไปศึกษาต่อต่างประเทศ พ่อแม่ได้อะไรจากการส่งบุตรหลานของท่านไปเรียนต่อ ณ ที่ไกลแสนไกล ห่างบ้าน ห่างอกพ่อแม่ ต้องเชิญทุกสิ่งด้วยตนเองทั้งสิ้น และทราบหรือไม่ว่าผู้ที่จุดประกายและเป็นแรงบัลดาลใจพร้อมผลักดันให้เด็กไทยได้มีโอกาสเดินทางไปศึกษาต่อยังต่างประเทศนั้นเริ่มต้นมาจากใคร เริ่มได้อย่างไร และมีที่มาจากที่ไหน?

    วันนี้ Exit Education จะขอพระราชทานอนุญาตกล่าวอ้างอิงถึงพระมหากษัตริย์อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราชาวไทยตลอดกาล ทรงเสด็จพระราชดำเนินประพาสไปทั่วทุกมุมโลก ทรงทอดพระเนตรเห็นถึงความทันสมัยและสิ่งต่างๆที่ต่างประเทศ ในประเทศที่เจริญและพัฒนารุจหน้าไปกว่าประเทศไทยอย่างมากในหลายๆด้าน ทรงมีพระราชดำริและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลที่จะนำพาสิ่งที่เจริญและเป็นประโยชน์ต่อปวงชนชาวไทย นำกลับมาสร้าง มาพัฒนา ทรงริเริ่มโครงการต่างๆที่ยังคุณประโยชน์แก่พวกเราทั้งสิ้น ใช่แล้วค่ะ เรากำลังกล่าวถึง “พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ฯ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว” ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์สยาม รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์จักรี หรือที่เราชาวไทยหลายๆคนจะเรียกพระองค์ว่า “เสด็จพ่อร.5” นั่นเอง นั่นก็ด้วยความจงรักภักดีและรู้สึกได้ว่าพระองค์เปรียบเสมือนพ่อของพวกเรานั่นเอง – เรามาทบทวนกันอีกครั้งนะคะว่า พระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระองค์นั้นที่ได้เคยทำเพื่อเราชาวสยามประเทศในอดีต ยังผลและคุณาประโยชน์นานัปการมาถึงปัจจุบัน มีอะไรบ้าง

     

    • ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการเลิกทาส ทรงยกเลิกระบบไพร่ โดยให้ไพร่เสียเงินแทนการถูกเกณฑ์ นับเป็นการเกิดระบบทหารอาชีพในประเทศไทย นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงดำเนินการเลิกทาสแบบค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากออกกฎหมายให้ลูกทาสอายุครบ 20 ปีเป็นอิสระ จนกระทั่งออกพระราชบัญญัติเลิกทาส ร.ศ. 124 (พ.ศ. 2448) ซึ่งปล่อยทาสทุกคนให้เป็นอิสระและห้ามมีการซื้อขายทาส
    • การป้องกันการเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส และจักรวรรดิอังกฤษ
    • ได้มีการประกาศออกมาให้มีการนับถือศาสนาโดยอิสระในประเทศ โดยบุคคลศาสนาคริสต์และศาสนาอิสลามสามารถปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างอิสระ
    • นำระบบจากทางยุโรปมาใช้ในประเทศไทย ได้แก่ระบบการใช้ธนบัตรและเหรียญบาท ใช้ระบบเขตการปกครองใหม่ เช่น มณฑลเทศาภิบาล จังหวัดและอำเภอ
    • การสร้างรถไฟ สายแรก คือ กรุงเทพฯ ถึง เมืองนครราชสีมา ลงวันที่ 1 มีนาคม ร.ศ.109 ซึ่งตรงกับ พุทธศักราช 2433 นอกจากนี้ได้มีงานพระราชนิพนธ์ ที่สำคัญ
    • รถลาก  เริ่มมีใช้ในรัชกาลที่ 5  เป็นครั้งแรก  โดยพระยาโชฎีกราชเศรษฐี (พุก)  ได้นำรถลากคันแรกของประเทศ
    • รถม้า  ได้เริ่มมีใช้เป็นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 5  ทั้งใช้ส่วนตัวและรับจ้าง  เนื่องจากสภาพถนนมีสภาพดีขึ้น
    • รถราง   เริ่มมีเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2430  โดยใช้ม้าลากไปตามราง  ต่อมาเปลี่ยนเป็นใช้พลังงานไฟฟ้าแทนม้า
    •  ดำเนินการโดยบริษัทรถรางไทยจำกัด  และบริษัทไฟฟ้าสยามทุนจำกัด  (ต่อมาได้เลิกกิจการรถรางไฟฟ้า เมื่อปี พ.ศ. 2511 เข้ามาใช้ในกรมหารและวังหลวง  ต่อมาได้มีการจัดตั้งโรงไฟฟ้าโรงแรกของประเทศไทย ขึ้น คือ โรงไฟฟ้าวัดเลียบ
    • ให้ตั้ง พิพิธภัณฑสถาน ขี้นครั้งแรก ในหอคองคอร์เดีย หรือ ศาลาสหทัยสมาคม  (คนทั่วไปนิยมเรียกว่า  หอมิวเซียม
    • ให้ตั้ง กรมไปรษีย์โทรเลข  ขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2441  โดยได้สร้างทางสายโทรเลขสายแรกขึ้นระหว่าง
    • รถยนต์ ได้นำเข้ามาใช้เป็นครั้งแรกของประเทศไทย  โดยกรมหลวงราชบุรีดิเรกฤทธิ์  ทรงนำรถยนต์เมอร์ซิเด็ซเดมเลอร์  เข้ามาน้อมเกล้าฯ ถวายพระจุลจอมเกล้าฯ
    • โรงไฟฟ้า เริ่มใช้เป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2423  โดยพระยาสุรศักดิ์มนตรี  ได้สั่งชื้อเครื่องไฟฟ้าจากประเทศอังกฤษ
    • ทรงให้ผู้ชายเลิกไว้ผมทรงมหาดไทย  เปลี่ยนเป็นไว้ยาว  ตัดเป็นทรงแบบฝรั่ง  ผู้หญิงโปรดเกล้าฯ ให้เลิกไว้ผมปึก
    • ทรงตั้ง โรงพยาบาลวังหลัง ซึ่งเป็นโรงพยาบาลแห่งแรกของประเท ศไทย  ปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงพยาบาลศิริราช
    • ทรงประกาศตั้งกระทรวงขึ้นอย่างเป็นทางการจำนวน 12 กระทรวง อันได้แก่ กระทรวงมหาดไทย, กระทรวงนครบาล, กระทรวงโยธาธิการ, กระทรวงธรรมการ, กระทรวงเกษตรพานิชการ, กระทรวงยุติธรรม, กระทรวงมรุธาธร, กระทรวงยุทธนาธิการ กระทรวงพระคลังสมบัติ, กระทรวงการต่างประเทศ (กรมท่า), กระทรวงกลาโหม และกระทรวงวัง
    • ทรงมีพระราชนิพนธ์ถึง 10 เรื่องได้แก่ – ไกลบ้าน, เงาะป่า, นิทราชาคริต, พระราชพิธีสิบสองเดือน, กาพย์เห่เรือ, คำเจรจาละครเรื่องอิเหนา, ตำรากับข้าวฝรั่ง, พระราชวิจารณ์จดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวี, โคลงบรรยายภาพรามเกียรติ์, โคลงสุภาษิตนฤทุมนาการ
    • ทรงตั้ง สภาอุณาโมแดง (สภากาชาด)  ขึ้น โดยมีสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ  ทรงเป็นสภานายิกาพระองค์แรก และคุณหญิงเปลี่ยน ภาสกรวงษ์  เป็นเลขานุการิณี
    • ทรงสร้าง พระที่นั่งอนันตสมาคม  ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2440  เพื่อใช้เป็นท้องพระโรง และเพื่อประกอบการพระราชพิธีต่างๆตามพระราชประเพณี
    • ทรงออกหนังสือสำคัญสำหรับการครอบครองที่ดินเป็นครั้งแรก ซึ่งเรียกว่า “ตราจอง”  ซึ่งต่อมาเรียกว่า “โฉนด”
    • เริ่ม การประปา ขึ้นเป็นครั้งแรก  ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2452  โดยจัดตั้งสำนักงานประปาแห่งแรกของประเทศไทยขึ้นที่สะพานดำ
    • ทรงสร้างวัดเบญจมบพิศ ขึ้น อันหมายถึงวัดพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น  โดยก่อสร้างด้วยหินอ่อน และใช้ศิลปลวดลายแบบไทย  ให้จำลองพระพุทธชินราช จากจังหวัดพิษณุโลก ให้เป็นพระประธานในอุโบสถวัดเบญจมบพิศ
    • การทำสงครามปราบฮ่อ  มีทั้งหมด 4 ครั้ง และทรงปราบกบฎต่างๆให้ราบคาบอยู่หมัด
    • การเสด็จประพาส — พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จประพาสต่างประเทศ ทั้งประเทศเพื่อนบ้าน และประเทศในยุโรปหลายครั้ง  เช่น สิงคโปร์  ชวา  อินเดีย  พม่า  มลายู  รัสเซีย  อังกฤษ  ฝรั่งเศส  เยอรมันนี  อิตาลี  ออสเตรีย  ฮังการี  โปรตุเกส  สเปน เป็นต้น    นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวยังทรงได้ เสด็จประพาสต้น  เป็นการส่วนพระองค์เป็นพระองค์แรก และเป็นครั้งแรกที่ พระมหากษัตริย์ทรงเสด็จออกเยี่ยมประชาชน เพื่อดูแลความเป็นอยู่อย่างใก้ลชิด โดยการเสด็จไปอย่างสามัญชน ร่วมทั้งคณะผู้ติดตามเสด็จทุกคนด้วย

    พระราชกรณียกิจที่สำคัญของพระองค์ที่ทรงทำเพื่อการศึกษาของประชาชนชาวไทย ก็คือทรงปฏิวัติการศึกษา และทางก่อตั้งโรงเรียน สถานศึกษามากมาย ยังประโยชน์และเป็นพระมาหกรุณาธิคุณอย่างเป็นล้นพ้นหาที่เปรียบมิได้อย่างแท้จริง

    จุดมุ่งหมายประการแรกของการปฏิรูปการศึกษาของรัชกาลที่ 5 คือ  เพื่อฝึกหัดคนเข้ารับราชการ  จึงได้ก่อตั้ง “โรงเรียนทหารมหาดเล็ก”  ขึ้นในพระบรมมหาราชวัง  เมื่อ พ.ศ. 2414  จำนวนนักเรียนเมื่อแรกมีเพียง 10 คน  ล้วนเป็นเชื้อพระวงศ์ระดับหม่อมเจ้าและหม่อมราชวงศ์

    – พ.ศ. 2425  ได้ก่อตั้ง โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ  เพื่อขยายการฝึกหัดคนเข้ารับราชการให้กว้างขวางยิ่งขึ้น  เป็นโรงเรียนผลิตข้าราชการสำหรับทุกกระทรวงทบวงกรม  ไม่จำกัดเฉพาะทหารมหาดเล็ก  หลักสูตรที่เรียนใช้ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ

    – พ.ศ. 2427 ได้ก่อตั้ง โรงเรียนวัดมหรรณพาราม   เพื่อให้คนทั่วไปได้เข้าศึกษาหาความรู้ตามหลักสูตรแผนใหม่   นับเป็น โรงเรียนแห่งแรกของประเทศไทย  ที่เปิดให้บุคคลสามัญทั่วไปได้เข้ารับการศึกษาอบรม อย่างทัดเทียมกันเริ่มมีแบบเรียนใช้ในโรงเรียนเป็นครั้งแรก  โดย พระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)  ได้แต่งหนังสือเรียน 6 เล่ม คือ  มูลบทบรรพกิจ   วาหนิต์นิกร  อักษรประโยค  สังคโยคพิธาน   ไวพจน์-พิจารณ์   และพิศาลการันต์   ขึ้นใช้ในโรงเรียนทุกแห่ง

    – พ.ศ. 2442  ได้มีการก่อตั้ง โรงเรียนเชลยศักดิ์ (โรงเรียนราษฎร์)  ขึ้น  คือ    โรงเรียนเซ็นต์โยเวฟคอนแวนต์   และ  โรงเรียนบำรุงวิชา

    – ได้มีการจัดตั้ง กองทุนคิงสกอลาซิป ขึ้น เพื่อจัดการสอบชิงทุนไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ  เป็นประจำทุกปี  ปีละ 2 ครั้ง  โดยส่งไปศึกษายังทวีปยุโรป และอเมริกา

    – ในการพัฒนาด้านการศึกษา ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เป็นผู้ดำเนินการปฏิรูปการศึกษาให้เป็นแบบแผนสมัยใหม่  นอกจากนั้นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ยังเป็นผู้เชียวชาญทางด้านประวัติศาสตร์ไทยเป็นอย่างยิ่ง  ซึ่งในปัจจุบันได้รับการยกย่องให้เป็น “บิดาแห่งวิชาประวัติศาสตร์ไทย”

    – มีการจัดตั้งสถาบันการศึกษาสำหรับสงฆ์ขึ้น  คือ  มหาธาตุวิทยาลัย  โดยจัดตั้งขึ้นที่วัดมหาธาตุ  เพื่อใช้เป็นสถานที่ศึกษาของสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย  ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

    – มีการจัดตั้งสถาบันการศึกษาสำหรับสงฆ์ขึ้น คือ มหามกุฎราชวิทยาลัย ขี้นที่วัดบวรนิเวศวิหาร  โดยกรมกระยาวชิรญาณวโรรส   เพื่อใช้เป็นที่ศึกษาของสงฆ์นิกายธรรมยุติ

    – โปรดเกล้าฯ ให้มีการจัดพิมพ์พระไตรปิฎกขึ้นเป็นภาษาไทยเรียกว่า “พระไตรปิฎกฉบับทองทึบ”

    วัดที่รัชกาลที่ 5 ทรงสร้างมี 7 วัด ดังนี้

    1. วัดเทพศิรินทราวาส
    2. วัดราชาธิวาส
    3. วัดราชบพิธ
    4. วัดเบญจมบพิตร
    5. วัดนิเวศธรรมประวัติ
    6. วัดอัษฎาคนิมิตร
    7. วัดจุฑาทัศธรรมสภาราม

    [space height=”15″]

    สถานศึกษาชั้นสูงทางศาสนาที่รัชกาลที่ 5 ทรงสร้างมี 2 แห่งคือ

    1. มหามกุฏราชวิทยาลัย
    2. มหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย

    จากรายการที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ใครหลายๆคงจะเคยได้ยินกันคุ้นหู และทราบถึงประวัติของเสด็จพ่อร.5กันมาเป็นอย่างดีแล้วนะคะ ในบทความตอนหน้า ตอนที่ 2 ต่อจากตอนนี้ (เป็นตอนจบ) จะมาชี้แจงแถลงไขว่า ทำไมเราจึงเทิดทูนพระองค์ให้เป็นบิดาแห่งการศึกษาไทย และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นอย่างมาก ที่ได้ทรงมีพระราชดำริ ริเริ่มโครงการต่างๆมากมายเพื่อประโยชน์ด้านการศึกษาของเราชาวไทย พบกันได้ใหม่ในตอนที่ 2 ค่ะ

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”HEIGHT”]

    รูปภาพ :  www.reurnthai.com , www.gotoknow.org

    สนใจสอบถามข้อมูลศึกษาต่อต่างประเทศติดต่อ Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

  • Queensland University of Technology : Master of International Business

    Queensland University of Technology : Master of International Business

    สวัสดีค่ะน้องๆ วันนี้พี่ฝ้ายได้มีบทสัมภาษณ์ส่วนหนึ่งของศิษย์เก่ามหาวิทยาลัย QUT หรือ Queensland University of Technology, Brisbane ซึ่งเป็นหนึ่งในทีม counselor ของ Exit Education มาให้คำแนะนำเพื่อแบ่งปันเป็นความรู้และประสบการณ์ตรงกันนะคะ

    [column col=”1/2″]

     

    บทสัมภาษณ์จากศิษย์เก่า

    Queensland University of Technology (QUT)

    “น้องผึ้ง” นพรัตน์ มณีวรรณ

    Master of International Business

    ปีที่จบการศึกษา 2010

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    เหตุผลที่เลือกเรียนที่ Queensland University of Technology

    3 สิ่งที่อยู่ด้วยกันอย่างลงตัว และเป็นส่วนช่วยในการตัดสินใจเรียนที่ Queensland University of Technology นี้ ก็คือ ที่ตั้งของมหาวิทยาลัย เมือง  Brisbane, ชื่อเสียงด้านการเรียนการสอน และคณะที่หลากหลายของมหาวิทยาลัย

    QUT ขึ้นชื่อว่าเป็นมหาวิทยาลัยที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง เป็นอันดับสองของรัฐ Queensland และมีความโดดเด่นในการด้านการเรียนการสอน สาขา Business, IT, Education

    เมือง Brisbane ได้ชื่อว่าเป็นเมืองการศึกษา เงียบสงบ ไม่พลุกพล่าน วิทยาเขตหลักๆของ QUT อย่างเช่น Garden Points และ Kelvin Grove เป็นวิทยาเขตที่ใหญ่โต มีความทันสมัยของตึกเรียน ห้องเรียน ห้องสมุด ภายนอกก็เต็มไปด้วยพื้นที่สีเขียว ให้นักเรียนได้มาพักผ่อน อ่านหนังสือ หรือติวหนังสือกับเพื่อนๆ

     

    ความประทับใจแรกเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย

    ความประทับใจแรก เกิดขึ้นจากสโลแกนของมหาวิทยาลัย ซึ่งก็คือ “QUT a university for the real world” เหมือนตอบโจทย์ตัวเองว่า ถ้าเรียนที่นี้ เราจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ และความรู้ใหม่ ที่มีอยู่, เกิดขึ้น และนำไปใช้ได้จริงกับการงานในอนาคตของเรา ใม่ว่าเราจะทำงานด้านไหนก็ตาม

    นอกจากนี้บรรยากาศโดยรอบมหาวิทยาลัย ทำให้รู้สึกตกหลุมรัก และรู้สีกอยากเป็นส่วนหนึ่งของมหาวิทยาลัยแห่งนี้  ไม่ว่าจะเป็นการได้ใกล้ชิดกับต้นไม้ ดอกไม้ และความเขียวขจีของธรรมชาติ ที่ Botanic Gardens หรือสวนพฤกศชาติ ที่อยู่ติดกับ แคมปัส Garden points ความทันสมัยของห้องสมุด และห้องคอมพิวเตอร์ ที่เมื่อเห็นต้องร้องว่า “OH” มันใหญ่มาก

     

    ระบบการเรียนการสอนที่ QUT แตกต่างจากเมืองไทยอย่างไร มีวิธีการปรับตัวอย่างไร

    ระบบการเรียนการสอนที่ QUT นั้น ค่อนข้างแตกต่างกับระบบการเรียนของประเทศไทย  ที่นี่จะสอนให้เราเรียนรู้ ค้นคว้า คิด และรู้จักนำไปใช้ มากกว่าการเรียน และท่องจำแต่ในตำรา ในแต่ละวิชาจะมีคลาส Lecture และคลาส Tutorial แยก section ซึ่งคลาส Lecture นั้นจะเรียนประมาณ 2-3 ชั่วโมง อาจจะเป็นคลาสใหญ่หรือคลาสเล็ก สำหรับคลาส Tutorial นั่น เด็กไทยอาจจะไม่ค่อยคุ้นเคย คลาสนี้เป็นคลาสที่มีประโยชน์มาก เพราะจะเป็นเหมือนคลาสเสริม เรียนรู้เพิ่มเติม และพูดคุยกับอาจารย์ผู้สอนได้อย่างใกล้ชิด เวลาเรียนก็เอาหัวข้อรายงาน (Assignment) มานั่งจับกลุ่ม และช่วยกันออกความคิดเห็น ว่าเราควรจะทำรายงานไปในทิศทางไหน ตีความของคำถามได้ถูกต้องหรือไม่ โดยมีอาจารย์คอยให้คำปรึกษา  บางครั้งอาจารย์ก็จะนำบทความต่างๆ ที่เกี่ยวกับบทเรียนมาให้เราวิเคราะห์

    นอกจากนี้มหาวิทยาลัยยังจัดให้มี  Language and Learning Support สำหรับการให้คำปรึกษาทางด้านการวิเคราะห์โจทย์รายงาน การเขียนรายงาน โดยการช่วยตรวจดูการใช้ภาษาในการเขียน หลักไวยากรณ์ หรือการสร้างประโยค นักเรียนสามารถเข้าพบที่ปรึกษา เพื่อขอความช่วยเหลือ แบบ Face-to-Face หรือส่งรายงานให้ตรวจสอบทาง online ก็ได้

    วิธีการปรับตัวให้เข้ากับการเรียนที่นี้ เห็นจะเป็นเรื่องของภาษา ที่ค่อนข้าง Academic สำหรับการเรียนปริญญาโท การวิเคราะห์หัวข้อรายงาน และวิธีการค้นคว้าแหล่งข้อมูลต่างๆสำหรับนำมาประกอบการทำรายงาน  ซึ่งแตกต่างจากที่เรียนมาจากเมืองไทยมากๆ แต่โชคดีทีว่า QUT มีคอร์ส English Academic of Purpose หรือเรียกว่าคอร์สภาษาอังกฤษเชิงวิชาการ ให้เรียนปรับพื้นฐานก่อนเข้าเรียนปริญญาโท เป็นคอร์สที่มีประโยชน์มากๆ เลยทำให้ใช้เวลาปรับตัวไม่นานนัก

     

    กิจกรรมยามว่าง ที่ทำในระหว่างเรียน

    ในระหว่างที่เรียน ถ้านอกเหนือจากการทำรายงานและการเข้าคลาสเรียนแล้ว ก็จะทำงานพิเศษ อาทิเช่น ร้านอาหารไทย และร้านซักอบรีด แต่จะเน้นทำแค่ประมาณ 2-3 วันต่อสัปดาห์ นอกนั้นก็จะใช้เวลากับการไปเดินเล่น กินข้าว ช้อปปิ้ง ดูหนัง กับเพื่อนๆ บ้าง  หรือไม่ก็ทำอาหารกินกันที่บ้าน

     

    ความรู้สึกเกี่ยวกับเพื่อนต่างชาติและอาจารย์ผู้สอน

    อาจารย์ที่ QUT เป็นอาจารย์ที่น่ารัก และคอยให้ความช่วยเหลือนักเรียนต่างชาติเป็นอย่างดี อาจารย์จะเป็นทั้งผู้ให้ความรู้ และคำปรึกษา มีความเข้าใจในการสอนนักเรียนต่างชาติเป็นอย่างดี อาจารย์จะพูดเสมอว่า การเรียนปริญญาโทไม่ใช่เรื่องยาก ภาษาอังกฤษของคุณไม่จำเป็นต้องสมบูรณ์แบบ ไวยากรณ์ไม่จำเป็นต้องแม่น แค่คุณรู้จักค้นคว้า คิด วิเคราะห์ และนำสิ่งที่เรียนมานั้นนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ในแบบตัวคุณ แค่นี้การเรียนปริญญาโทก็จะง่ายนิดเดียว ภาษาอังกฤษ ก็จะดีขึ้นไปด้วย

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    สำหรับเพื่อนๆ ทั้งในคลาสและนอกคลาส ก็จะมีทั้งเอเชีย เช่น จีน  อินโดนีเซีย สิงค์โปร์ ไต้หวัน  มียุโรป และคนออสเตรเลียบ้าง ถือว่าเป็นประสบการณ์ที่ดีอย่างนึง เวลาเรียนก็จะได้แลกเปลี่ยนมุมมอง ความคิด และวัฒนธรรมที่สัมพันธ์กับบทเรียนกันเสมอ อย่างเช่น วิธีการทำการตลาด และ มุมมองการทำธุรกิจในแบบประเทศของตน ด้านนอกห้องเรียนบางครั้งก็จะนัดทำอาหารกินกัน หรือจัดปาร์ตี้ แต่ละคนก็จะนำอาหารของชาติตัวเองมาให้เพื่อนๆได้ลองกิน  ถึงเวลาสอบ ใครเก่งด้านไหน ก็มาช่วยติวหนังสือ แบบไม่หวงความรู้  หลังจากจบแล้ว ก็ยังติดต่อกันเสมอ

    [/column]

    [space height=”15″]

    ชมรมนักเรียนไทย

    ที่มหาวิทยาลัยจะไม่ได้มีเป็นชมรมคนไทย แต่เราจะรู้จักกันเองจากเพื่อนแนะนำบ้าง จากรุ่นสู่รุ่นบ้าง บางครั้งพวกเราจะก็นัดทำอาหารไทยกินกัน หรือไปปิคนิค นอกจากนี้ที่บริสเบนก็จะมีวัดไทย จัดว่าเป็นศูนย์รวมคนไทยอีกแห่งนึง ที่วัดก็จะมีการจัดงานให้เด็กไทยได้ทำบุญในวันสำคัญๆ เสมอ อย่างเช่น งานวันสงกรานต์

     

     หอพักมหาวิทยาลัยเป็นยังไง

    ที่ QUT จะมีหอพักของมหาวิทยาลัย ตั้งอยู่ที่วิทยาเขต Kelvin Grove เป็นหอที่ใหม่และกว้างขวางมาก มีทั้งแบบอยู่คนเดียวและแชร์กัน ค่าที่พักแบบหอในนี้จะค่อนข้างแพง ไม่ค่อยเป็นที่นิยมของคนไทย แนะนำว่าหาที่พักข้างนอกอยู่แชร์กัน จะถูกกว่าเยอะมาก สามารถเลือกอยู่ในเมือง  (Zone 1 ) หรือ ประมาณโซน 2 ก็ได้ ค่าเช่าแบบรวมทุกอย่างจะอยู่ที่ประมาณ 120-150 เหรียญ ต่อสัปดาห์  การเดินทางก็สะดวก เพราะว่า QUT จะมีรถบัสบริการนักเรียนฟรี วิ่งไป-มา ระหว่างวิทยาเขต Garden points และ Kelvin Grove

     

    ความรู้สึกหลังเรียนจบ มีความประทับใจอะไรกับมหาวิทยาลัยบ้าง

    [column col=”1/2″]

    QUT มหาวิทยาลัยที่ให้คุณสัมผัส เรียนรู้ทุกอย่างจากโลกแห่งความเป็นจริง ทุกบทความทุกเรื่องราวที่อาจารย์นำมาสอนนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง  เมื่อถึงเวลาที่เราต้องก้าวสู่การเป็นผู้มีอาชีพ เราสามารถนำทุกสิ่งที่เราเรียนรู้จากมหาวิทยาลัยแห่งนี้มาใช้ และพลิกแพลง หรือเกิดไอเดียใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี

    เพื่อนๆที่เราได้รู้จักและใช้ชีวิตการเรียนร่วมกัน ก็คงมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเสมอ QUT จะมีการจัดงานรวมศิษย์เก่าในแต่ละประเทศอยู่เสมอ พวกเราจะได้มาเจอกัน และได้เห็นความเติบโตของเพื่อนๆ เป็นสิ่งที่น่าประทับใจมากๆค่ะ

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    ความในใจถึง QUT

    ต้องขอขอบคุณมหาวิทยาลัยแห่งนี้ ที่สอนให้มีความพยายาม อดทนกับความเหนื่อย และสู้กับการเรียน ก้าวแรกที่ก้าวเข้าไปคิดเลยว่าปริญญาโทยากมาก คงไม่รอด แต่สุดท้ายก็ก้าวออกจากมหาวิทยาลัยแห่งนี้ด้วยความภาคภูมิใจ QUT สอนให้เราสัมผัสกับความจริง กล้าคิด กล้าแสดงออก และกล้าทำ เราต้องพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเสมอ ไม่แปลกใจเลยว่า ทำไม QUT ถึงได้ 5 Stars getting job เพราะที่นี้ผลิตบัณฑิต ออกไปสู่ตลาดงานเยอะมาก

    [/column]

    [space height=”15″]

    จากบทสัมภาษณ์ของน้องผึ้ง ศิษย์เก่า QUT คนนี้ พี่หวังว่าน้องๆคงจะได้แง่คิดและมุมมองต่างๆมากมายในการเลือกเรียนต่อต่างประเทศนะคะ การเรียนต่อต่างประเทศนับเป็นการเปิดโลกทัศน์และสร้างประสบการณ์ในการใช้ชีวิตให้น้องๆอย่างมากค่ะ ดังนั้นการเลือกประเทศ เลือกมหาวิทยาลัยจึงเป็นปัจจัยแรกที่น้องๆต้องศึกษาและตัดสินใจค่ะ
    พี่ฝ้ายและพี่ผึ้ง รวมถึงเจ้าหน้า Exit Education ทุกคนยินดีและพร้อมที่จะให้คำปรึกษาด้านเรียนต่อต่างประเทศ เพื่อให้การตัดสินใจของน้องง่ายขึ้นและเกิดประโยชน์มากที่สุดนะคะ

    สามารถติดต่อพี่ฝ้าย 094-4796544 อีเมล์  smanun@exiteducation.com 
    Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

  • เรียนภาษาฝรั่งเศสที่เมืองตูร์ (Tours) กับสถาบัน Institut de Touraine

    เรียนภาษาฝรั่งเศสที่เมืองตูร์ (Tours) กับสถาบัน Institut de Touraine

    หากจะพูดถึงประเทศฝรั่งเศสกันแล้ว เราก็คงจะอดนึกถึงบรรดาสถานที่สำคัญๆ ที่นักท่องเที่ยวรู้จักกันเป็นอย่างดีไม่ได้นะคะ อาทิเช่น … หอไอเฟล (Le Tour Eiffel), อาเวอนูว์เดช็องเซลีเซ (Avenue des Champs-Élysées), พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ (Louvre museum), พระราชวังแวร์ซายส์ (Versaille Palace), ประตูชัยฝรั่งเศส (Arc de Triomphe) etc … ดูเหมือนว่าเราจะคุ้นชินกับเมืองหลวงอย่าง ปารีส (Paris) เท่านั้น — และประเทศฝรั่งเศสขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ได้สมญานามว่าเป็นเมืองแฟชั่น เมืองที่ทันสมัย และเป็นถิ่นกำเนิดน้ำหอมของโลก —

    แต่หากจะพูดถึงเมืองที่มีความปลอดภัย สวยงาม ค่าครองชีพไม่สูง มากด้วยศิลปวัฒนธรรมแบบดั้งเดิมของฝรั่งเศส ผู้คนใช้ภาษาฝรั่งเศสโดยออกเสียงอักขระชัดเจนถูกต้องฟังดูไพเราะ มีความหลากหลายในเรื่องของเชื้อชาติ (Nationality mixed) อย่างเหมาะสม และเหมาะอย่างยิ่งที่จะเป็นเมืองแห่งการศึกษา – ทราบไม่คะว่าเมืองนี้คือเมืองอะไร – เรากำลังพูดถึงเมืองตูร์ (Tours) อยู่ค่ะ น้องๆนักเรียนหลายท่านที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปลายสายศิลป์ภาษาฝรั่งเศส หรือระดับปริญญาตรีเอกภาษาฝรั่งเศส หรือผู้ที่สนใจหลงไหลในภาษาที่เปล่งเสียงแบบนาสิก (Nasal sound) ผู้ที่ต้องการเป็นล่ามหรือนักแปลภาษาฝรั่งเศส หรือไกด์ทัว์นำเที่ยวนั้น การที่ได้มีโอกาสเรียนรู้ภาษาฝรั่งเศสจากประเทศต้นตำรับเจ้าของภาษาโดยตรง คงจะเป็นความฝันสีชมพูอันแสนน่าภิรมย์ของใครหลายๆคนเลยสินะคะ

    [column col=”1/2″]

     

    เมืองตูร์ (Tours) คืออีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของคนที่ต้องการไปเที่ยวฝรั่งเศส เป็นอีกหนึ่งเมืองท่องเที่ยวและยังเป็นเมืองหลวงของจังหวัดแอ็งเดรลัวร์ (Indre-et-Loire) ซึ่งเป็นจังหวัดในแคว้นซ็องทร์ (Centre) ของประเทศฝรั่งเศส เป็นเมืองศูนย์กลางทางการศึกษามาตั้งแต่ยุคกลาง โดยตัวเมืองนั้นตั้งอยู่บนแม่น้ำลัวร์ (Loire River) ในอดีตเคยเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันในช่วงต้นศตวรรษที่ 1 นั่นจึงส่งผลให้เมืองตูร์เป็นศูนย์กลางแห่งอารยธรรมลุ่มแม่น้ำลัวร์ที่สำคัญเมืองหนึ่งของประเทศ

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]
    [space height=”15″]

    เมืองนี้จะอยู่ไม่ไกลจากเมือง Paris มากนัก ซึ่งสามารถเดินทางจาก Paris มายังเมืองแห่งนี้ได้ด้วยรถไฟความเร็วสูง TGV โดยใช้เวลาประมาณเกือบ 2 ชั่วโมงเท่านั้นค่ะ เมืองนี้เป็นเมืองที่สวยงาม สงบ รื่นรมย์ เป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญเมืองหนึ่งของฝรั่งเศส เป็นเมืองที่น่าอยู่อย่างมาก หากแต่ไม่เงียบเหงาแต่อย่างใด เพราะเมืองนี้มีทั้งศูนย์การค้า ห้างร้าน ร้านรวงแบบพื้นเมือง (local) ให้เลือกสรรมากมาย ประกอบกับคุณภาพชีวิตของผู้คนในเมืองนี้ก็มีคุณภาพสูงค่ะ — วันนี้ Exit Education จะขอแนะนำสถาบันเรียนภาษาฝรั่งเศสในเมืองต์ (Tours) แห่งนี้ให้ทุกๆท่านทราบถึงรายละเอียดที่น่าสนใจนะคะ เอาล่ะค่ะทุกๆท่าน ในเมื่อจัดกระเป๋าพร้อม วีซ่าพร้อม ก็ออกเดินทางกันได้เลยนะคะ เราจะเดินทางไปฝรั่งเศสพร้อมกัน ณ บัดนี้ค่ะ — เมื่อใช้เวลา 12 ชั่วโมงบินจากสุวรรณภูมิจนถึงปารีส (Paris) แล้ว จากนั้นเราก็จะใช้บริการรถไฟความเร็วสูง (TGV) เดินทางไปที่เมืองตูร์กันเลยนะคะ โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาทีค่ะ เมื่อถึงเมืองแล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่ของทางสถาบัน Institut de Touraine มารับถึงสถานีนะคะ ชูป้ายชื่อเราเห็นเด่นชัดเลยค่ะ จากนั้นเค้าก็จะขับรถไปส่งเราเข้าที่พัก เอ้าทุกคนเรามาจัดข้าวของออกจากกระเป๋าเดินทางของเราดีกว่านะคะ พักเอาแรงสักครู่ก่อนที่จะไปลุยเมืองตูร์ (Tours) กันค่ะ

    หายเหนื่อยแล้วก็ได้เวลารายงานตัวกับสถาบันแล้วนะคะ สถาบันนี้มีชื่อว่า Institut de Touraine นั่นเองค่ะ ก่อนที่นักเรียนทั้งหลายจะเข้าห้องเรียนนั้น เรามาทราบประวัติคร่าวๆ และข้อมูลหลักสูตรที่น่าสนใจของสถาบันกันก่อนดีกว่านะคะ

    [column col=”1/2″]

    Institut de Touraine ได้เปิดทำการเรียนการสอนทางด้านภาษาและวัฒนธรรมของฝรั่งเศสมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1912 มีอายุมากถึง 101 ปี — มีนักเรียนในสถาบันทั้งหมดนับตั้งแต่เปิดทำการเรียนการสอนมาแล้วมากกว่า 200,000 คน โดยมีความหลากหลายทางสัญชาติและมีนักเรียนแตกต่างจากที่มามากถึง 80 ประเทศเลยทีเดียวค่ะ นั่นเพราะชื่อเสียงของสถาบันที่สั่งสมมายาวนานนับร้อยปี คณะครูอาจารย์ผู้สอนก็ล้วนแต่เป็นชาวฝรั่งเศสที่พูดภาษาฝรั่งเศสแบบถูกต้อง ออกเสียงถูกอักขระวิธี เพราะคุณครูทุกท่านต้องสำเร็จการศึกษาด้านภาษาศาสตร์โดยเฉพาะ และทุกท่านมีคุณสมบัติที่ดีในการถ่ายทอดความรู้แก่นักเรียนต่างชาติอย่างมาก ทำให้มั่นใจได้ว่าเรียนที่นี่จะได้รับความรู้และการดูแลเอาใจที่ดีจากคณะคุณครู อาจารย์ทุกท่าน ได้ฝึกฝนภาษาโดยตรงกับเจ้าของภาษาอีกด้วย

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    หลักสูตรของ Institut de Touraine

    • Express course – weekly starting dates รับรองหลกสูตรจากระบบ Common European Framework of Reference for Language โดยแบ่งออกเป็น 6 ทักษะ A1, A2, B1, C1, C2 โดยระดับ A1 เป็นระดับเริ่มต้น (Beginner Level) และในระดับ C2 เป็นระดับสูง (Most Advanced Degree of Proficiency) – หลักสูตรนี้เปิดสอนตั้งแต่ 2 – 6 สัปดาห์ ซึ่งจะเปิดสอนแบบ
      – Extensive Course เรียน 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ช่วงเช้า
      – Intensive Course เรียน 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ – โดยเรียนเหมือนหลักสูตรด้านบน 15 ชม. ต่อสัปดาห์ แต่มีเพิ่มพิเศษอีก 5 ชั่วโมงในส่วนของ conversation ในช่วงบ่าย**จำนวนนักเรียนต่อห้องมีเพียง 6-10 คนเท่านั้น**

     

    • Express Plus course – weekly starting dates หลักสูตรนี้เปิดสอน 2 – 6 สัปดาห์ เป็นหลักสูตรที่รวมเอา Express course ตามที่กล่าวไว้ข้างต้นนี้แล้ว + private lesson เพิ่มอีก 3 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

     

    • One-month Course เป็นหลักสูตรภาษาฝรั่งเศสเข้มข้นซึ่งจะเปิดในช่วงเดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายน และนักเรียนทุกคนจะต้องผ่านการทดสอบวัดผลความรู้พื่นฐานทางภาษาฝรั่งเศสก่อนค่ะ โดยหลักสูตรนี้จะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่
      – General French โดยจะเรียนทั้งหมด 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เน้น oral & writing – 2 ชม. เรียนphonetics ในห้อง laboratory – 3 ชม. สามารถเลือกเรียนวิชาเลือกอื่นๆได้ ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มทักษะ และสนับสนุนความรู้ทางภาษาฝรั่งเศสทั้งนั้นค่ะ อาทิเช่น… French culture & literature (วัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของฝรั่งเศส) – หรือการติวและเตรียมความพร้อมเพื่อการสอบวัดความรู้ผลภาษาของฝรั่งเศสที่เรียกว่า DELF (French proficiency tests) นั่นเองค่ะ คล้ายๆกับการสอบ IELTS/TOEFL เพื่อวัดผลความรู้ทางภาษาอังกฤษนั่นเองค่ะ
      **นักเรียนที่สนใจเรียนหลักสูตรนี้ อาจจะวางแผนการศึกษาระดับสูงขึ้น เพื่อจะเข้าเรียนในระดับมหาวิทยาลัยในฝรั่งเศสต่อไปนะคะ**[space height=”10″]
      Intensive Course เป็นหลักสูตรเหมือนกันกับหลักสูตรด้านบนที่กล่าวไปแล้ว เพียงจะเพิ่มจำนวนชั่วโมงให้เพิ่มมากขึ้นค่ะ

     

    • Three-month-course เป็นหลักสูตร intensive 12 สัปดาห์ และเรียนทั้งหมด 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ค่ะ โดยที่หลักสูตรการเรียนการสอนจะเหมือนกันกับหลักสูตร One-month-course แต่จะเรียนทั้งหมด 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และจำนวนนักเรียนในห้องจะมีไม่เกิน 15 คน

     

    • Training for teacher of French หลักสูตรนี้เป็นหลักสูตรภาษาฝรั่งเศสที่เปิดการเรียนการสอนให้กับผู้ที่ต้องการประกอบวิชาชีพครูเพื่อสอนภาษาฝรั่งเศส ซึ่งหลักสูตรนี้เปิดสอนทั้งสิ้น 96 ชั่วโมง และสามารถลงเรียนขั้นต่ำได้ 2 สัปดาห์ค่ะ
      หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานภาษาฝรั่งเศสดีพอสมควรนะคะ หรือเป็นครูสอนภาษาฝรั่งเศส หรือผู้ที่สนใจจะประกอบอาชีพนี้ค่ะ – เรียนจบแล้วมีประกาศนียบัตรรองรับด้วยค่ะ

     

    เรียนจันทร์ – ศุกร์นะคะ เสาร์อาทิตย์เป็นวันหยุดพักผ่อนค่ะ นักเรียนสามารถท่องเที่ยวตามสถานที่สำคัญในเมืองตูร์ได้มากมายหลากหลายแห่งนะคะ มาดูกันสิคะว่า เรียนและใช้ชีวิตที่ตูร์นั้น มีอะไรน่าเที่ยวบ้าง

    สถานที่ท่องเที่ยวเมืองตูร์ (Tours)

    • “วิหารตูร์” (Tours Cathedral) หรือ วิหารเซนต์ แกไทน์ (Saint-Gatien’s Cathedral ) คริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก (Roman Catholic)ที่สร้างขึ้นเพื่อทุ่มเทให้กับนักบุญเซนต์ แกไทน์ (Saint Gatien) — วิหารถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่าง 1170 – 1547 ตั้งอยู่ทางใต้สุดของสะพานข้ามแม่น้ำลัวร์ สถาปัตยกรรมส่วนใหญ่ของวิหารตูร์ล้วนแล้วแต่สร้างขึ้นในแบบศิลปะแบบกอธิค ต่อมาวิหารตูร์ได้รับการประกาศให้เป็นอนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ ในปี 1862
    • เขตเมืองเก่าตูร์ โดยบริเวณใจกลางของเมืองเก่าจะเป็นที่ตั้งของจัตุรัส Plumereau เป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของเมืองตูร์ โดยจัตุรัสถูกโอบล้อมไปด้วยเหล่าอาคารบ้านเรือนยุคกลางซึ่งบางส่วนเป็นไม้ซุง นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและผับตั้งเรียงรายเต็มไปหมด
    • ใกล้ๆกับจัตุรัสนั้น เราสามารถไปเยี่ยมชม โบสถ์เซนต์มาร์ติน (Saint Martin Basilica) โบสถ์ที่สร้างขึ้นเพื่อทุ่มเทให้กับเซนต์มาร์ติน (Saint Martin) บิชอปแห่งตูร์ ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี 1886 – 1924 ในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนีโอไบเซนไทน์ (Neo-Byzantin) ออกแบบโดยสถาปนิก Victor Laloux ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น” อนุสาวรีย์ทางประวัติศาสตร์ ” ในปี 1840

     

    หากเราไปเรียนแล้วเริ่มมีเพื่อนเยอะขึ้น พูดภาษาฝรั่งเศสได้เก่งขึ้น ก็สามารถนั่งรถไฟเร็ว (TGV) ไปเที่ยวเมืองต่างๆได้มากมายนะคะเช่น Paris, Nice etc และอื่นๆที่น่าสนใจมากมายค่ะ

    เป็นยังไงกันบ้างคะเรียนภาษาฝรั่งเศสและท่องเที่ยวไปในเมืองตูร์ที่ประเทศฝรั่งเศสพร้อมๆกับทีมงาน Exit Education กันแล้ว สนุกไหมคะ – หากใครที่มองเห็นว่าแค่ภาษาอังกฤษอย่างเดียว คงไม่พออีกต่อไปแล้ว และภาษาฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในภาษากลุ่มโรมานซ์ที่สำคัญที่สุด เป็นรองเพียงภาษาสเปนและโปรตุเกส — ภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาที่มีคนนิยมเป็นอันดับที่ 11 ของโลก มีคนพูดภาษาฝรั่งเศสเป็นภาษาหลัก กว่า 77 ล้านคน และเมื่อรวมคนที่พูดเป็นภาษาที่สองแล้วจะมีประมาณ 128 ล้านคนทั่วโลก!!

    ดังนั้นไปเรียนภาษาฝรั่งเศสกันเถอะค่ะ สถาบัน Institut de Touraine ที่เมืองตูร์ (Tours) รอต้อนรับทุกท่านอยู่ค่ะ – และทราบกับไหมคะว่าสถาบันนี้นั้น ครั้งหนึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เจ้าหญิงนักปราชญ์แห่งภาษาศาสตร์ของไทยเรา ทรงเคยเสด็จไปเยือนณเมืองตูร์และทรงศึกษาภาษาฝรั่งเศสณ สถาบันแห่งนี้ด้วยค่ะ

    จากบันทึกในพระราชนิพนธ์ชุดเสด็จพระราชดำเนินเยือนต่างประเทศลำดับที่ 50 เป็นบันทึกประสบการณ์และสิ่งที่ทรงได้พบเห็นจากการที่ได้เสด็จ ฯ ไปทรงเพิ่มพูนความรู้ด้านภาษาฝรั่งเศสเพิ่มเติม ณ สถาบันสอนภาษาตูแรน ที่มืองตูร์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 14-30 สิงหาคม 2550 แม้จะเป็นระยะเวลาเพียงสองสัปดาห์ แต่ก็ได้ทรงใช้เวลานั้นอย่างคุ้มค่า ทรงฝึกฝนการใช้ภาษาฝรั่งเศสทั้งการพูด อ่าน เขียน ทรงมี “การบ้าน” เช่นเดียวกับนักศึกษาทั่วไป การกลับไปสู่การเรียนอีกครั้งทำให้ทรงประจักษ์ถึงประโยชน์ของการข้าเรียนในชั้นเรียน ซึ่งช่วยให้ทรงได้รับความรู้จากครูผู้เป็นเจ้าของภาษา

    “…รู้สึกว่าที่เรียนในห้องจะเป็นประโยชน์มากกว่าในด้านภาษา เพราะข้าพเจ้ามีโอกาสอยู่แล้วในด้านการไปที่ต่างๆ แต่การที่ได้เรียนกับครูเป็นเรื่องหายาก คนฝรั่งเศสธรรมดาๆ พูดอะไรข้าพเจ้าเข้าใจอยู่แล้ว และข้าพเจ้าพูดอะไรเขาก็เข้าใจ แม้จะพูดไม่ถูกต้อง การเรียนในห้องทำให้มีความรู้เพิ่มขึ้น…” นี่คือสิ่งทีพระงองค์ทรงบันทึกไว้ในหนังสือ “ฟื้นภาษา ได้อาหาร” ที่ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นเพื่อรวบรวมการเดินทางไปยังที่ต่างๆของพระองค์ค่ะ

     

    สนใจสอบถามข้อมูลวันเปิดเรียน—ราคาค่าเรียน—และข้อมูลอื่นๆ ติดต่อ Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

  • Testimonials : “น้องณิศ” University of Wollongong

    Testimonials : “น้องณิศ” University of Wollongong

    University of Wollongong

    Master of Engineering Practice (Mechanical)

     

    [column col=”1/2″]

    วันนี้พี่สุขอนำประสบการณ์ของน้องนักศึกษาไทยที่เรียนจบจาก University of Wollongong มาเล่าประสบการณ์การเรียนค่ะ

    ณิศ เอกโพธิ์ น้องคนเก่งของเรา ที่จบปริญญาตรีด้านวิศวกรรมศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และตัดสินใจเรียนต่อปริญญาโททันที ที่ University of Wollongong ผ่านไป 1 ปี ตอนนี้ น้องณิศ ก็ได้รับปริญญาโทด้านวิศวกรรมศาสตร์ จาก University of Wollongong มาครอบครอง อย่างภาคภูมิใจ

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”HEIGHT”]

    Master Of Engineering Practice ที่ University of Wollongong เป็นหลักสูตร 1 ปี นักศึกษาสามารถเลือกเรียนได้หลายเมเจอร์ หากน้องๆสนใจเรียนต่อ Engineering สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก พี่สุ โทร 098-2619915 หรือ Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

    [space height=”15″]

    ก่อนเรียนปริญญาโทใบนี้ ผมได้เรียนคอร์สภาษาอังกฤษของ University of Wollongong ก่อนเป็นเวลา 18  สัปดาห์ เพื่อปรับพื้นฐานก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งได้เพื่อนมากมายจากคอร์สนี้ ช่วงที่เข้ามหาวิทยาลัย ตอนแรกก็ยากลำบากพอสมควร เพราะคณะ Engineering แทบไม่มีคนไทยเลย ส่วนมากจะเป็นชาติจากตะวันออกกลาง และคนออสซี่  คนไทยนับได้มีแค่ไม่ถึง 5 คน แล้วยิ่งเป็น Major mechanical ไม่มีคนไทยเลย ทำให้การสื่อสารบังคับให้ใช้ภาษาอังกฤษอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งช่วงแรกต้องปรับตัวพอสมควร การเรียนการสอนแตกต่างจากที่ประเทศไทยโดยสิ้นเชิง ที่นี่จะเน้นการทำงานเป็นกลุ่มเป็นทีม มีการถามตอบกันแทบตลอดเวลา นักเรียนจะพยายามแสดงความคิดเห็นหรือถามอาจารย์บ่อยมาก ซึ่งมาช่วงแรกผมตกใจมาก เพราะดูทุกคนเก่งกันมาก แต่พอผ่านไปซักระยะก็เริ่มปรับตัวได้

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    คณะที่ผมเรียนจะมี ทั้งหมด 8 วิชา 4 วิชาเป็นวิชาบังคับ ซึ่งนักเรียนที่เรียน Master of Engineering Practice ทุกๆ major ต้องเรียนเหมือนกันทุกคน อีก 4 วิชาเป็นวิชาเลือกของแต่ละ major ซึ่งทุกวิชาจะมีคาบ Lecture และคาบ tutorial โดยคาบ tutorial นั้นเอาไว้ทำแบบฝึกหัดและ discuss กับอาจารย์และนักเรียนในห้องเรียน

    สาขาที่เรียนนั้น ใน 4 วิชาที่ผมเลือกจะมี Ocean Engineering, Energy Efficiency and Energy Auditing in the Built Environment, Sustainable energy transport and engine technologies and Sustainable energy technologies ซึ่งวิชาข้างต้นที่กล่าวมา ถ้าเราเรียนสาขาเครื่องกลผ่านมาแล้ว สามารถทำความเข้าใจได้ไม่ยากจนเกินไปนัก เพราะวิชาเหล่านี้เนื้อหาจะ advance จากวิศวะเครื่องกลตอนเรียนปริญญาตรี แต่จะมีปัญหานิดหน่อยเวลาทำงานเดี่ยวและงานกลุ่ม เพราะไม่เคยชินกับการเรียนการสอนแบบนี้ คือต้องค้นคว้าจากห้องสมุด ถ้าไม่เข้าใจต้องเข้าไปพบอาจารย์บ่อยๆ โดยอาจารย์จะช่วยชี้แนะแต่จะไม่บอกทั้งหมด ให้เราค้นคว้าและคิดเองเกือบทั้งหมด

    [/column]

    [space height=”15″]

    ต่อมาเป็นวิชาบังคับ 4 วิชา มี Strategic management engineers and technologists, Innovation and design, Engineering project management and Engineering computing วิชาเหล่านี้ในความคิดเห็นของผมเป็นวิชาที่ยากทั้งหมด เพราะวิชาเหล่านี้คนที่เรียนวิศวะมาจะไม่เคยเรียนวิชาพวกนี้มาเลย วิชาเหล่านี้จะเน้นการอ่านหนังสือและเขียนเรียงความเป็นหลักเพราะฉะนั้นภาษาอังกฤษต้องดีในระดับหนึ่ง มีคำนวณน้อยมากหรือบางวิชาไม่มีเลย ยกเว้นวิชา Engineering computing ซึ่งจะเน้นการใช้โปรแกรม และการคำนวณเป็นหลัก แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี จบตามระยะเวลาของหลักสูตรคือ 2 เทอม.. ส่วนประสบการณ์การใช้ชีวิตในเมือง Wollongong และการเรียนร่วมกับเพื่อนๆ นักศึกษาต่างชาติ เป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจอย่างมาก ถ้าเพื่อนๆสนใจ University of Wollongong สอบถามมาได้นะครับ 

    [column col=”1/3″]

    [/column]

    [column col=”2/3″]

     

    ติดต่อ พี่สุ ได้ที่ 098-2619915 ค่ะ
    Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

    [/column]

  • ภาษาอังกฤษ ไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป ถ้าเรียนอย่างถูกต้องกับสถาบันภาษาชั้นนำ

    ภาษาอังกฤษ ไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป ถ้าเรียนอย่างถูกต้องกับสถาบันภาษาชั้นนำ

    หลักสูตรเรียนภาษาอังกฤษทั่วโลก

    บอสตัน นิวยอร์ก  ซานดิเอโก ซานฟรานซิสโก ลอสแอนเจลิส ไมอามี่ มอนทรีออล โทรอนโต
    แวนคูเวอร์ ลอนดอน เคมบริดจ์ อ๊อกซ์ฟอร์ด ไบรท์ตัน บริสตอล มอลตา เคปทาวน์

    ภาษาอังกฤษ ไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไป ถ้าเรียนอย่างถูกต้องกับสถาบันภาษาชั้นนำ

    ปัจจุบันนี้ เราปฎิเสธไม่ได้ว่า ภาษาอังกฤษมีความจำเป็นต่อเรามากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นโลกการศึกษา โลกธุรกิจ การสื่อสารคมนาคม และอาชีพการงาน ดังนั้นการเรียนภาษาอังกฤษ เพื่อเตรียมความพร้อมแก่ตนเองและเพื่ออนาคต จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนมองหากันอยู่ใช่มั้ยคะ

    สถาบันภาษา EC เป็นสถาบันภาษาที่ได้รับการยอมรับจากนักเรียนต่างชาติทั่วโลก ในเรื่องของการเรียนการสอน บุคคลากร และสภาพแวดล้อมในสถาบัน สถาบันภาษา EC ตั้งอยู่ในเมืองที่ใช้ภาษาอังกฤษกว่า 16 แห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น

    • ประเทศสหรัฐอเมริกา เมือง  Boston New York San Diego San Francisco Los Angeles Miami
    • ประเทศแคนาดา เมือง  Montreal Toronto Vancouver
    • ประเทศอังกฤษ เมือง London Cambridge Oxford Brighton Bristol
    • ประเทศแอฟริกาใต้ เมือง Cape Town
    • ประเทศมอลตา เมือง Malta

    [space height=”10″]

    เนื่องจากพี่ได้มีโอกาสไปเยี่ยมสถาบัน EC London ประเทศอังกฤษมา พี่จึงได้เก็บภาพบรรยากาศการเรียนการสอนในห้องเรียนและสถาบันมาให้น้องๆ ได้ชมกันนะคะ

    [column col=”1/2″]

    สถาบัน EC London ตั้งอยู่ใน Location ที่สะดวกสบายมาก เพราะอยู่ติดกับสถานีรถไฟใต้ดิน (Tube/underground) สถานี Euston ค่ะ สถาบันมี facilities เพียบพร้อม ทุกอย่างใหม่และทันสมัยมากค่ะ วันที่พี่เยี่ยมชมสถาบันนั้น  Mr Richard Quarterman ซึ่งเป็น Centre Director ของ EC London Euston ได้พาชมห้องเรียนและบรรยากาศโดยรอบของสถาบันค่ะ EC London มีห้องเรียนทั้งหมด 24 ห้องค่ะ โดยแต่ละห้องนั้น จะมีนักเรียนไม่เกิน 12 คนหลากหลายเชื้อชาติค่ะ เพราะทางสถาบัน EC ต้องการให้นักเรียนและอาจารย์ได้มีความใกล้ชิดเพื่อสามารถพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเพื่อให้นักเรียนได้มีโอกาสเรียนรู้วัฒนธรรมอื่นๆจากเพื่อนร่วมชั้นเรียนค่ะ

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”10″]

    มาพูดถึงสิ่งอำนวยความสะดวกภายในสถาบันกันบ้างนะคะ ไม่ว่าจะเป็น Wi-Fi, Computer, TV cinema screen, Library, Self study room, Café อยู่ชั้นล่างของอาคารค่ะ

    จากที่พี่ได้พูดคุยกะอาจารย์ และเจ้าหน้าที่ของสถาบัน EC ทำให้พี่ประทับใจในความเอาใจใส่ของอาจารย์ และเจ้าหน้าที่ ที่มีต่อนักเรียนทุกคนค่ะ เพราะตั้งแต่วันแรกที่น้องเข้าไปปฐมนิเทศ น้องจะได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นจากเจ้าหน้าที่สถาบัน ในการแนะนำส่วนต่างๆในสถาบัน รวมทั้งจะมีการแนะนำให้รู้จักเพื่อนร่วมสถาบันในคลาสต่างๆด้วยค่ะ ดังนั้นน้องที่มาเรียนที่ EC ไม่ต้องกลัวเหงา คิดถึงบ้าน หรือมีปัญหาในการปรับตัว เพราะทางสถาบันได้จัดกิจกรรม และชมรมต่างๆเพื่อให้น้องๆได้ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ และได้เรียนรู้ชีวิตในประเทศอังกฤษได้มากขึ้นอีกด้วยค่ะ

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    หลักสูตรการเรียนภาษาอังกฤษ แบ่งออกเป็นการเรียนแบบ

    • General English : การเรียนภาษาอังกฤษเพื่อสร้างเสริมทักษะที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เรียน 20 ชมต่อสัปดาห์
    • Intensive English : การเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเสริมสร้างทักษะที่ใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งเสริมสร้างทักษะเลือกอื่นๆ เรียน 30 ชมต่อสัปดาห์
    • Business Semester/ Year : การเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเสริมทักษะในการทำงาน
    • IELTS preparation :  การเรียนภาษาอังกฤษเพื่อเตรียมตัวสอบวัดผลระดับภาษาอังกฤษ IELTS
    • Academic Semester/ Year : การเรียนภาษาอังกฤษระยะยาว เพื่อเพิ่มพูนทักษะภาษาอังกฤษและประสบการณ์การใช้ชีวิตในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ

    [space height=”15″]

    พี่หวังว่า น้องๆคนไหนที่กำลังมองหาที่เรียนคอร์สภาษาเพื่อฝึกทักษะพัฒนาภาษาอังกฤษ คงจะ get idea ไม่มากก็น้อยนะคะ และหากน้องๆคนไหนต้องการสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรการเรียน หรือข้อมูลของสถาบัน

    สามารถโทรสอบถามพี่ฝ้ายได้เลยนะคะ 094-4796544
    หรือ Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714