Category: review

  • งานนิทรรศการการศึกษาและอาชีพ ที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)

    งานนิทรรศการการศึกษาและอาชีพ ที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)

    วันนี้พี่เหมียวได้มีโอกาสร่วมงานนิทรรศการการศึกษาและอาชีพ ที่โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสนี)

    ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณอาจารย์ดรุณี ประกิจเพชร์ และคณะอาจารย์แนะแนวทุกท่าน พร้อมกับทีมงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกคน ที่จัดงานออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยในงานมีมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา และหน่วยงานแนะแนวการศึกษามากันมากมาย กว่า 60 องค์กร

    ความประทับใจเกิดขึ้นตั้งแต่เลี้ยวรถเข้าโรงเรียน มีเจ้าหน้าที่มาคอยอำนวยความสะดวกเรื่องให้ลงเอกสาร อุปกรณ์ต่างๆในการจัดบูธ เตรียมที่จอดรถให้ และแม้งานจะจัดที่ชั้น 3 ก็ไม่ได้มีอุปสรรคใดๆในการขนของ ทางอาจารย์ให้น้องๆนักเรียนช่วยยกของขึ้นไปให้ น้องนักเรียนก็มีน้ำใจมากๆช่วยกันอย่างขมักเขม้น

    และสิ่งที่ประทับใจที่สุด น้องๆนักเรียนน่ารักเข้ามาสอบถามด้วยความนอบน้อม ก่อนรับเอกสารก็จะยกมือไหว้ เมื่อรับแล้วยังกล่าวขอบคุณ แสดงให้เห็นว่าได้รับการอบรมมาอย่างดี สมกับคำขวัญของโรงเรียนว่า “ลูกบดินทร์เป็นผู้ประพฤติดี และมีความรู้”

    ภาพบรยากาศ งานนิทรรศการการศึกษาและอาชีพ
    ณ โรงเรียนบดินทรเดชา (สิงห์ สิงหเสณี)
    วันที่ 28 สิงหาคม 2558

    [column col=”1/3″]

    [/column]

    [column col=”1/3″]

    [/column]

    [column col=”1/3″]

    [/column]

    [space height=”HEIGHT”]

    [column col=”1/3″]

    [/column]

    [column col=”1/3″]

    [/column]

    [column col=”1/3″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    [column col=”1/3″]

    [/column]
    [column col=”2/3″]

    และเนื่องจากน้องๆให้ความสนใจกันเยอะมาก พี่เหมียวอาจดูแลไม่ทั่วถึง ต้องขอโทษด้วยนะคะ
    ถ้าต้องการข้อมูลเรียนต่อต่างประเทศเพิ่มเติม ติดต่อ พี่เหมียว ได้ที่ 080-5548859 หรือ chongdee@exiteducation.com ค่ะ
    Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

    [/column]

  • การตรวจสุขภาพเพื่อการยื่นคำร้องขอวีซ่าออสเตรเลีย

    การตรวจสุขภาพเพื่อการยื่นคำร้องขอวีซ่าออสเตรเลีย

    [column col=”1/2″]

    หลังจากรีวิวที่แล้วพี่เหมียวได้แนะนำเกี่ยวกับการขอใบรับรองผลการตรวจสุขภาพจาก IOM เพื่อการยื่นคำร้องขอวีซ่าอังกฤษไปนั้น (www.exiteducation.com/review/ตรวจสุขภาพ-iom-student-visa-uk) มีน้องๆสอบถามเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพ เพื่อการยื่นคำร้องขอวีซ่าออสเตรเลียกันหลายคนเลยค่ะ วันนี้พี่เหมียวขอเอามารีวิวให้ฟังเพิ่มเติมนะคะ

    น้องๆที่ต้องการไปเรียนต่อที่ประเทศออสเตรเลีย ในทุกหลักสูตร ทั้งหลักสูตรภาษาอังกฤษระยะสั้น เรียนระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษา วิชาชีพ วิทยาลัย จนถึงระดับมหาวิทยาลัย โดยระยะเวลาการเรียนเกิน 12 สัปดาห์ จำเป็นต้องขอวีซ่านักเรียน โดยจะต้องตรวจสุขภาพ 2 อย่าง คือ

    1. เอ็กซเรย์ปอด
    2. ตรวจปัสสาวะ

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    เมื่อก่อนนักเรียนทุกคนจะต้องกรอก Form 26 และ 126 ในการไปตรวจสุขภาพ
 แต่ปัจจุบันนี้เป็น eMedical

    หลังจาก submit วีซ่าเรียบร้อยแล้ว เข้าระบบ https://online.immi.gov.au/lusc/login  เลือกเมนู Get health details เพื่อลงทะเบียนแบบฟอร์มใบตรวจสุขภาพ

    ** โดยในขั้นตอนการวีซ่าและการลงทะเบียนแบบฟอร์มใบตรวจสุขภาพนี้ ทาง Exit Education จะดำเนินการให้หมดเลยค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วง พี่เหมียวเอามาให้ดูเผื่อน้องๆ เก็บไว้เป็นข้อมูลเหมือนเช่นเคยค่ะ ^^

    เมื่อเสร็จแล้วจะได้ HAP ID – eMedical ให้ print และนำไปวันตรวจสุภาพค่ะ

    ตัวอย่าง eMedical

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    เอกสารที่ต้องเตรียมในการตรวจสุขภาพ

    1. แบบฟร์อม eMedical ที่มีชื่อนามสกุลของผู้สมัคร เเละ HAP ID
    2. หนังสือเดินทาง (Passport) ฉบับจริง
    3. บัตรประชาชนตัวจริง
    4. ค่าตรวจสุขภาพประมาณ 2,000 – 3,000 บาท (ขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพยาบาล)

    [space height=”15″]

    เมื่อตรวจสุขภาพเสร็จจะต้องรอผลตรวจประมาณ 40 นาที เมื่อคุณหมอแจ้งว่าเรียบร้อยสามารถกลับบ้านได้เลย และกรุณาเก็บใบเสร็จไว้เป็นหลักฐาน ทางโรงพยาบาลจะส่งข้อมูลของนักเรียนเข้าสถานฑูตโดยตรง หลังจากตรวจสุขภาพถ้าผลปกติ จะได้วีซ่าภายใน 3-7 วัน แล้วแต่ประเภทของวีซ่า ถ้าหากผลตรวจสุขภาพไม่ปกติ อาจจะโดนส่งผลไปที่ประเทศออสเตรเลียเพื่อให้พิจารณา กรณีที่โดนส่งผลไปให้ออสเตรเลียพิจารณา จะต้องให้ระยะเวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ ทางออสเตรเลียอาจจะให้ตรวจเพิ่มเติม หรือให้ผ่าน และจะได้วีซ่าในลำดับต่อไป (ขึ้นอยู่กับผลของแต่ละบุคคล)

    คำแนะนำเพิ่มเติมในการตรวจสุขภาพ

    • ควรดื่มน้ำเปล่าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
    • นอนพักผ่อนให้เพียงพอ
    • ไม่ควรดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล งดของทอด ของมันจัด ก่อนไปตรวจ
    • ไม่จำเป็นต้องงด อาหารและน้ำ
    • สำหรับสตรี หากมีประจำเดือนควรตรวจหลังจากประจำเดือนหมดไปแล้วอย่างน้อย 5 วัน
    • สถานทูตจะให้ตรวจสุขภาพทั่วไป ตรวจปัสสาวะ ตรวจปอด และตรวจสายตา
    • หากตั้งครรภ์ต้องแจ้งให้คุณหมอทราบ
    • หากใส่เเว่นหรือคอนแทคเลนส์ให้นำไปในวันตรวจสุขภาพด้วยและต้องแจ้งคุณหมอทราบ
    • หากไม่สบาย ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ ทานยารักษาอยู่ ควรรอให้หายขาดก่อนไปตรวจ
    • ควรโทรไปนัดล่วงหน้าก่อนไปตรวจ และแจ้งโรงพยาบาลว่ามาตรวจสุขภาพ “เพื่อขอวีซ่านักเรียนประเทศออสเตรเลีย”
    • เมื่อตรวจเสร็จแล้วกรุณาเก็บใบเสร็จเพื่อเป็นหลักฐาน

    [space height=”15″]

    รายชื่อโรงพยาบาลที่สถานทูตรองรับ

    การตรวจสุขภาพของผู้ขอวีซ่าจะต้องกระทำโดยแพทย์ / โรงพยาบาลที่อยู่ในรายชื่อที่อนุมัติโดยแผนกวีซ่าของสถานทูตออสเตรเลียเท่านั้น โดยผลการตรวจสุขภาพทางโรงพยาบาลจะเป็นผู้จัดส่งให้สถานทูตโดยตรง

    รายชื่อโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ

    [column col=”1/2″]

    1. โรงพยาบาลกรุงเทพ (BH)

    เลขที่ 2 ซอยศูนย์วิจัย 7 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพ ฯ 10310
    Tel :  02-310-3256
    Website : www.bangkokhospital.com
    ค่าบริการ : 2,000-3,000 บาท
    เวลาทำการ : วันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 08.00 – 14.00 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 08.00 – 12.00 น.
    *กรุณาโทรนัดหมายล่วงหน้า อย่างน้อย 1 วัน

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    [column col=”1/2″]

    2. โรงพยาบาลบางกอกเนอร์สซิ่งโฮม ( BNH )

    เลขที่ 9/1 ซอยคอนแวนต์ ถนนสีลม เขตบางรัก กรุงเทพ ฯ 10500
    Tel : 02-686-2700 ต่อ 4445 (ศูนย์ตรวจสุขภาพ ชั้น 4 ขึ้นลิฟท์โซน A)
    Website : www.bnhhospital.com
    ค่าบริการ : 3,000-4,000 บาท
    วันและเวลาทำการ : จันทร์-ศุกร์ เวลา 8.00 – 16.00 น. เสาร์ เวลา 8.00 – 12.00 น.

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”HEIGHT”]

    รายชื่อโรงพยาบาลสำหรับต่างจังหวัด
    (ดูรายชื่อโรงพยาบาล ได้ที่ http://www.immi.gov.au/contacts/overseas/t/thailand/panel-doctors.htm)

    1. โรงพยาบาลเชียงใหม่ ราม
    8 ถนนบุญเรืองฤทธิ์ อ.เมือง เชียงใหม่ 502008 ถนนบุญเรืองฤทธิ์ ตำบลศรีภูมิ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50200
    Tel : 053 920 300
    Fax : 053 224 880
    Website : www.chiangmairam.com
    ราคาโดยประมาณ 1,500-2,000 บาท
    เวลาทำการ (ทุกวัน เวลา 08.00 – 16.00 น.)

    2. โรงพยาบาลกรุงเทพ ภูเก็ต
    2/1 ถนนหงส์หยกอุทิศ อ.เมือง ภูเก็ต 83000
    Tel : +66 76 254 421
    Fax : +66 76 254 430
    Website : www.phukethospital.com
    ราคาโดยประมาณ 4,000-5,000 บาท
    เวลาทำการ : วันจันทร์, อังคาร, พุธ และศุกร์ เวลา 09.00 – 14.00 น.

    3. โรงพยาบาลเอกอุดร
    555/5 ถนนโพศรี ตำบลหมากแข้ง อุดรธานี 41000
    Tel : 042 342 555
    Fax : 042 341 033
    Website : www.aekudon.com
    ราคาโดยประมาณ 3,000 – 4,000 บาท
    เวลาทำการ : ทุกวัน (ยกเว้นวันเสาร์) แนะนำให้มาช่วงเช้า 08.00 – ก่อนเที่ยง

     

    [column col=”1/3″]

    [/column]
    [column col=”2/3″]
    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
    ติดต่อ พี่เหมียว (จงดี อิ่มโอชา) ได้ที่ 080-5548859 ค่ะ

    หรือ Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714
    [/column]

  • ออสเตรเลีย ทำงาน Part time 40 ชั่วโมง/2สัปดาห์ และมีสิทธิ์ได้รับ “Working Visa” ระยะเวลา2 ปีเป็นอย่างน้อย

    ออสเตรเลีย ทำงาน Part time 40 ชั่วโมง/2สัปดาห์ และมีสิทธิ์ได้รับ “Working Visa” ระยะเวลา2 ปีเป็นอย่างน้อย

    วันนี้พี่แพทตี้จะพาไปเที่ยวแดนโคอะล่าลั้ลลาจริงๆ … แดนจิงโจ้เค้าโก้จริงๆ!!

    แม้เมืองผู้ดีอังกฤษจะงดให้นักเรียนต่างชาติทำงาน Part timeแล้ว แต่ออสซี่ยัง Welcome everybody อยู่นะคะ

    “Commonwealth of Australia” เป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของโลก เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว และเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในโลก มีเศรษฐกิจมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 12 ของโลก WOW!!

    •  ปี 2012-2014 ออสเตรเลียมีรายได้ต่อหัวที่สูงที่สุดอันดับ 5 ของโลก ดังนั้นออสเตรเลียจึงถูกจัดอันดับที่สูงในการเปรียบเทียบระหว่างประเทศจำนวนมากของประสิทธิภาพการทำงานในระดับชาติ เช่น คุณภาพชีวิต สุขภาพ การศึกษา เสรีภาพทางเศรษฐกิจ และการปกป้องเสรีภาพของพลเมืองและสิทธิทางการเมืองอีกด้วย
    • ออสเตรเลียเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ, G20, เครือจักรภพแห่งชาติ, ANZUS, องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา(OECD), องค์การการค้าโลก, ความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิกและหมู่เกาะแปซิฟิกฟอรั่ม **นั่นหมายความว่าออสเตรเลียต่างเข้าร่วมเป็นสมาชิกทั้งทางยุโรปและเอเชียอีกด้วย ทำให้ออสเตรเลียคุ้นชินกับการที่มีนักเรียนต่างชาติเข้ามาศึกษาที่นี่ ไม่มีการเหยียดสีผิวหรือเชื้อชาติใดใดทั้งสิ้น หรือถ้ามีก็เป็นส่วนน้อยมากๆ และออสเตรเลียยังสนับสนุนส่งเสริมแรงงานและบุคคลากรต่างชาติที่เข้ามาทำงานที่นี่อย่างถูกต้องตามกฎหมายอีกด้วย
    • โอกาสการทำงานในออสเตรเลีย
      • นักเรียนไทยที่ลงเรียนหลักสูตรใดก็ตาม ตั้งแต่ระยะเวลา 4 เดือนขึ้นไป สามารถขอวีซ่าแบบ “Student Visa” สามารถทำงาน Part time 40 ชั่วโมง/2สัปดาห์ แบบถูกกฎหมาย
      • นักเรียนที่ลงเรียนหลักสูตรระดับ “Academic, Further Studies” ที่รวมระยะเวลาเป็น 2 ปีขึ้นไป มีสิทธิ์ได้รับการอนุมัติวีซ่าทำงาน “Working Visa” ระยะเวลา2 ปีเป็นอย่างน้อย (ขึ้นอยู่กับสาขาที่ลงเรียน) พูดง่ายๆ ว่าเรียนจบแล้วก็ยังอยู่ต่อได้ด้วยวีซ่าทำงานอีก 2 ปี แบบว่ายังหางานทำไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เค้าให้วีซ่าอัติโนมัติค่ะ หรือหากไม่อยากอยู่ต่อด้วยวีซ่าทำงาน ก็สามารถอยู่ต่อเที่ยวได้อีก 1 เดือนภายหลังจากเรียนจบก็ทำได้นะคะ ชิวสุดๆ
    • นักเรียนไทยยังอยู่ในระดับ Assessment Level 1 (AL 1) พูดให้เข้าใจง่ายๆ ชาวไทยเรายังอยู่ในระดับที่เทียบเท่ากับชาวยุโรป สิงคโปร์ ญี่ปุ่น คือพลเมืองประเทศชั้น 1 นั่นเอง
      • นักเรียนที่ลงเรียนระดับปริญญาตรี/โท/เอก ตอนยื่นขอวีซ่านักเรียนนั้น ไม่ต้องยื่นหลักฐานทางการเงิน (Financial Statement) ให้สถานทูตแต่อย่างใด
      • สามารถยื่นวีซ่าแบบ online ได้ ไม่ต้องไปยื่นด้วยตัวเอง หรือให้ตัวแทน/ที่ปรึกษาที่น่ารักอย่างพี่แพทตี้จัดการให้ รอประมาณ 3-7 วันทำการวีซ่าก็อนุมัติแล้วค่ะ
    • ที่สำคัญออสเตรเลียยังเปิดกว้างให้ชาวต่างชาติที่เข้ามาเรียน – ทำงานระยะยาว และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างถูกต้องทุกอย่าง อาทิ เสียภาษีถูกต้อง ลงเรียนในสาขาที่ตลาดเศรษฐกิจของออสเตรเลียกำลังต้องการ มีคุณวุฒิและวัยวุฒิตามที่รัฐกำหนด หรือพำนักอยู่ที่นั่นเป็นระยะเวลาพอสมควรแล้ว รัฐบาลและสถานทูตออสเตรเลียยังเปิดกว้างให้ชาวต่างชาติสามารถสมัคร PR (Permanent Resident) คือขอเป็นประชากรพำนักที่ออสเตรเลียโดยสามารถถือ Passport 2 เล่ม ทั้ง Passport ไทย และ Passport ออสเตรเลีย ได้อีกด้วย!!
      PR เป็นบันไดขั้นต่อไปของ Australian Citizen ซึ่งขอให้เราปฎิบัติตามกฎหมายของออสเตรเลียทุกประการเท่านั้นเป็นพอค่ะ!! AWESOME!!

    [space height=”15″]

    สอบถามข้อมูลเรียนต่อออสเตรเลีย
    ติดต่อ Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

  • IELTS vs. IELTS UKVI สำหรับการเข้าศึกษาต่อประเทศอังกฤษ

    IELTS vs. IELTS UKVI สำหรับการเข้าศึกษาต่อประเทศอังกฤษ

    น้องๆหลายคนอาจจะยังสงสัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงการสอบ IELTS สำหรับการเข้าศึกษาต่อประเทศอังกฤษ วันนี้พี่แพทขอสรุป เพื่อตอบทุกข้อสงสัยค่ะ

    กรณีมีผล IELTS แบบเดิม
    (สอบก่อนวันที่ 6 เมษายน 2558 โดยผลสอบยังมีอายุไม่เกิน 2 ปี ซึ่งจะถือว่าสามารถใช้ผลคะแนนครั้งนี้สมัครเรียนและทำเรื่องยื่นขอวีซ่าอังกฤษได้เช่นเดิม)

    • ผลคะแนนสอบเป็นไปตามเงื่อนไขที่มหาวิทยาลัยกำหนด สามารถยื่นขอวีซ่าอังกฤษเข้าเรียนหลักสูตรปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอกได้เลย
    • คะแนนสอบไม่ถึงเกณฑ์ตามมหาวิทยาลัยกำหนด สามารถยื่นขอวีซ่าอังกฤษเข้าเรียนหลักสูตรภาษาอังกฤษ Pre-Sessional English ในระยะเวลาที่เหมาะสม ตามที่ทางมหาวิทยาลัยเป็นผู้กำหนด ทั้งนี้ระยะเวลาดังกล่าวจะขึ้นกับผลคะแนน IELTS ของนักเรียนเป็นสำคัญ

    [space height=”15″]

    กรณียังไม่มีผล IELTS 

    สมัครสอบ IELTS Academic (IELTS UKVI)

    • สำหรับผู้สมัครที่ต้องการใช้ผลสอบวัดระดับภาษาอังกฤษเพื่อศึกษาต่อหลักสูตรปริญญา และระดับที่ต่ำกว่าปริญญาตรีซึ่งรวมถึงหลักสูตร Foundation และ Pre-Sessional
    • ข้อสอบประกอบด้วย การทดสอบการฟัง อ่าน เขียน และการพูด
    • ค่าสมัครสอบ IELTS UKVI 10,440 บาท

    [space height=”15″]

    ข้อควรรู้และควรปฏิบัติ

    • ผู้ที่ประสงค์จะเข้าศึกษาต่อหลักสูตรระยะยาว และประสงค์จะขอวีซ่าประเภทนักเรียนดังกล่าวนี้ ณ สหราชอาณาจักร จะต้องเตรียมความพร้อมในการสอบ IELTS ระบบใหม่นี้ให้ดี และทางสถาบันการศึกษาของท่าน (Provider) อาจมีสิทธิ์ขอเรียกสัมภาษณ์ท่านผ่านทาง VDO conference เพื่อทดสอบความรู้เกี่ยวกับระบบการศึกษา หลักสูตรที่ท่านต้องการศึกษาต่อยังสหราชอาณาจักร และข้อมูลความรู้เกี่ยวกับการขอวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษดังกล่าวได้ ภายหลังจากที่ท่านชำระค่าเล่าเรียนแล้ว และรอการออกเอกสารตอบรับที่เรีกยกว่า CAS (Confirmation Acceptance of Studies)
    •  หากผู้สมัครสอบ IELTS ระบบใหม่ดังกล่าวนี้ ไม่แน่ใจและไม่มั่นใจในระดับภาษาอังกฤษและคะแนนของตน แนะนำให้มัครสอบมากกว่า 1 ครั้ง เพื่อเป็นการสำรองและประกันความเสี่ยงเอาไว้ด้วย เนื่องจากระบบใหม่นี้มีผู้สมัครสอบเป็นจำนวนมาก วันที่สอบอาจเต็มอย่างรวดเร็ว
    • ผู้สมัครต้องเตรียมหลักฐาน เอกสารเพื่อแสดงตนให้ครบอันได้แก่ หนังสือเดินทางเล่มปัจจุบัน บัตรประชาชน เอกสารการตอบรับเข้าเรียนจากสถาบันในสหราชอาณาจักร (กรณีสมัครเรียนแล้วและติดเงื่อนไขเรื่องไอเอล) หากยังไม่ได้สมัครเรียน ต้องเตรียมรายชื่อสถาบันที่จะเข้าเรียนให้เรียบร้อย พร้อมรูปถ่าย 2 นิ้ว พื้นหลังสีขาว เห็นใบหน้าและใบหูชัดเจนจำนวน 2 ใบ

    [space height=”15″]

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
    Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

  • testimonials “น้องสร” University of Houston, USA

    testimonials “น้องสร” University of Houston, USA

    เรื่องเล่าประสบการณ์ในต่างแดนของน้องๆ Exit’s Alumni

    [column col=”1/2″]

     

    ชื่อ ธนสรณ์ เจียงทองเลื่อน

    ชื่อเล่น สร

    จบจาก University of Houston

    Law Center Houston, Texas, U.S.A.

    สาขาวิชา LL.M.  Foreign Scholars Program

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    สวัสดีค่ะ หลังจากที่ห่างหายไปนาน วันนี้พี่เหมียวมีรีวิวจากน้องสรคนเก่ง มาเล่าถึงประสบการณ์การไปเรียนต่อที่อเมริกา เรื่องระบบการเรียนการสอน การดูแลนักศึกษา การเข้าร่วมกิจกรรม และประสบการณ์ดีๆกับการพักอยู่กับ Host Family ค่ะ

    อะไรเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเรียนที่ University of Houston, Texas และ เหตุผลที่เลือกเรียนสาขาวิชานี้

    สาเหตุที่เลือกเรียนที่นี่ เนื่องจากว่าผมสนใจทางด้านกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา และ University of Houston เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านนี้ โดยดูได้จาก U.S. News Ranking ที่ได้จัดอันดับให้อยู่ในลำดับที่ 4 ของมหาวิทยาลัยทั้งหมดของอเมริกาในปี 2012 และ ปี 2015 นี้ ยังอยู่ในลำดับที่ 7 นะครับ ซึ่งถือว่าเป็นมหาวิทยาลัย TOP 10 ด้านทรัพย์สินทางปัญญาของอเมริกาเลยทีเดียว สำหรับ U.S. Law School Ranking ก็อยู่ใน Tier 1 คือ 50 อันดับแรกของ Law school ทั้งหมดในอเมริกาครับ  นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยนี้เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ ค่าเทอมจึงถูกว่าที่อื่นด้วย ค่าครองชีพก็ไม่สูงมาก และเป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่มากด้วยนะครับ

    University of Houston Law Center มีวิชากฎหมายเยอะมากให้เลือกลงเรียนนะครับ ซึ่งความยากง่ายก็จะต่างกันไป ส่วนวิชากฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาก็มีให้เลือกลงเรียนหลายวิชา อาจารย์ผู้สอนก็เป็นอาจารย์ที่มีชื่อเสียงทางด้านทรัพย์สินทางปัญญาด้วยนะครับ

    บรรยากาศการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัย

    บรรยากาศในการเรียนการสอนดีมากครับ Professor ทุกคนเก่งมาก และใจดีมากด้วย ช่วยเหลือและเอาใจใส่เด็กดีมากเลยครับ มีอะไรปรึกษาได้เลย ห้องเรียนก็ดีครับ มีห้องสมุดกฎหมายให้ค้นคว้าได้โดยเฉพาะ ไม่รวมกับห้องสมุดรวมของมหาวิทยาลัยครับ

    เจ้าหน้าที่ก็น่ารัก พร้อมบริการ เอาใจใส่ แม้กระทั่งเรื่องส่วนตัว ยังช่วยเลยนะครับ มีปัญหาอะไรก็เข้าไปเล่าให้ฟังเดี๋ยว เจ้าหน้าที่ก็จะหาทางประสานงานช่วยเหลือเราแม้กระทั่งเรื่องความเป็นอยู่ในมหาวิทยาลัยครับ

    ส่วนตัวมหาวิทยาลัยเองใหญ่มากครับจึงมีรถของมหาวิทยาลัยบริการทั้งวัน ไม่เช่นนั้นเดินไม่ไหวแน่ ห้องสมุดรวมก็ใหญ่ครับ Recreation Center ก็ใหญ่มากครับมีสถานที่ให้เล่นกีฬาได้ทุกรูปแบบ มี  Stadium อเมริกันฟุตบอลใหญ่มากเช่นกัน และยังมีร้านอาหาร ห้างขนาดย่อม และ โรงแรม Hilton อยู่กลางมหาวิทยาลัยเลยครับ

    ช่วยเล่าประสบการณ์วันแรกในการเข้าห้องเรียนหน่อยค่ะ

    [column col=”1/2″]

    วันแรกตื่นเต้นมากครับ ที่นี่แทบจะไม่มีคนไทยเลย เพื่อน 98% เป็นต่างชาติหมดเอาเป็นว่าทั้ง Law School มีคนไทยอยู่ 3 คนครับ รวมผมด้วย แต่ทุกคนก็น่ารักครับ ช่วยเหลือกันเรียนด้วย เรียนที่นี่กิจกรรมเยอะมากครับจัดไปนู้นไปนี้ ช่วงแรกๆ เยอะมากจนเหนื่อยแทบไม่มีเวลาอ่านหนังสือเลยครับ จึงต้องปรับตัวอ่านหนังสือทุกวันและทำสรุป outline ในแต่ละวิชาไว้ แต่สนุกมาก การเรียนที่นี่ไม่ง่ายครับ ต้องขยันๆหน่อย เน้นการมีส่วนร่วมในห้องเรียนครับ อย่าหวังจะมานั่งเงียบๆอยู่หลังห้องนะครับ โดนเรียกตอบทุกคนครับ และทางมหาวิทยาลัยยังจัดให้มี TA มาช่วยเราเรียนครับ ทั้งช่วยติว ช่วยเป็นที่ปรึกษา ช่วยอธิบายในสิ่งที่เราไม่เข้าใจและยังช่วยประสานงานในหลายๆเรื่อง TA นิสัยดีน่ารักมากครับ

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    แล้ว ณ วันนี้ที่จบแล้ว แตกต่างกันกับวันแรกที่เข้าเรียนยังไง ความรู้สึกเป็นยังไงบ้างคะ

    รู้สึกว่าเก่งขึ้นครับ 555+ ช่วยทำให้เราใช้กฎหมายได้จริง ไม่ใช่แต่ท่องจำครับ สามารถวิเคราะห์และนำไปใช้ได้ และมีความมั่นใจในการกล้าแสดงความคิดเห็นในเชิงกฎหมาย และใช้ภาษาอังกฤษทางด้านกฎหมายได้ถูกต้องแม่นยำขึ้น เขียนหรือร่างสัญญาได้ดีมากขึ้นครับ

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    คิดว่าระบบการศึกษาของต่างประเทศ ต่างจากระบบการศึกษาไทยอย่างไรคะ

    ค่อนข้างต่างมากครับ อย่างที่กล่าวไปแล้วว่าที่นี่เน้นในเชิง ปฏิบัติ คิด วิเคราะห์ การมีส่วนร่วมในห้องเรียน มากกว่าการท่องจำ ส่วนนอกห้องเรียนยังมีกิจกรรมอะไรอีกมากที่เสริมสร้างความรู้ ความมั่นใจ และโอกาสในการทำงานต่างๆ มีอาจารย์และเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือครับ โดยไม่ต้องเสียเงินเลย การแสดงความคิดเห็นก็เปิดกว้างให้อิสระ ไม่ปิดกั้น หรือจำกัดความคิดของเด็กครับ ซึ่งต่างจากระบบการศึกษาของไทยเราครับ

    [/column]

    [space height=”15″]

    [column col=”1/2″]

    สิ่งที่ประทับใจที่สุดในการมาเรียนที่อเมริกา

    ประทับใจเพื่อนๆในห้องเรียนทุกคน น่ารักมากและหลายเชื้อชาติมากครับทำให้เรารู้จักนักกฎหมายจากหลายประเทศทั่วโลก ประทับใจโอกาสที่ทาง  University of Houston Law Center ยื่นให้ ทั้งโอกาสในการหางาน สมัครงาน การช่วยเหลือในทุกอย่าง ทั้งเรื่องการเรียนและส่วนตัว ประทับใจโอกาสที่ได้เห็นโลกกว้างนะครับ ผมเดินทางไปหลายรัฐมาก ไหนๆมาทั้งทีก็เอาให้คุ้มเลยครับ และที่สำคัญยังได้พบเพื่อนต่างชาติจากคณะอื่นๆเพราะผมไปร่วมกิจกรรมต่างๆของมหาวิทยาลัยที่ตอนนี้ยังสนิทกันอยู่และยังติดต่อพบเจอกันอยู่ ประทับใจ Family ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดให้ซึ่งเป็นศิษย์เก่าของที่นี่และเป็นนักกฎหมายใน Houston ครับ ซึ่งคอยดูแลเราพาเราไปเที่ยว ไปดูเบสบอล ดูหนังกินข้าวครับ ซึ่งเป็นความทรงจำดีๆที่ไม่ลืมเลยครับ

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    สุดท้ายนี้ ช่วยฝากอะไรถึงคนที่กำลังจะมาเรียนที่อเมริกาหรือกำลังตัดสินจะมาเรียนต่อหน่อยค่ะ

    การไปเรียนต่างประเทศเป็นโอกาสที่ดีนะครับ ที่จะได้เห็นโลกกว้างและพบเจอเพื่อน หรือสังคมใหม่ๆ จากประเทศอื่นๆ ทำให้เราเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยตนเอง ช่วยเหลือตนเอง และเป็นการเปิดโอกาสทางการศึกษาและหน้าที่การทำงานของเราได้อย่างดี ระดับความรู้ด้านภาษาอังกฤษและปริญญาจากสถาบันที่มีชื่อเสียงเป็นสิ่งที่สำคัญมากในยุคปัจจุบันที่จะช่วยให้เราสามารถแข่งขันกับผู้คนจากประเทศอื่นๆได้ครับ อเมริกาจึงเป็นประเทศทางเลือกหนึ่งที่น่าเลือกไปศึกษาต่อเพราะจะช่วยพัฒนาศักยภาพทางด้านภาษา การเรียน การทำงาน และการใช้ชีวิตได้อย่างดีครับ

    [column col=”1/3″]

    [/column]
    [column col=”2/3″]
    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
    ติดต่อ พี่เหมียว (จงดี อิ่มโอชา) ได้ที่ 080-5548859 ค่ะ
    หรือ Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

    [/column]

  • กรมการกงสุล เปิดทำ Passport เล่มด่วน วันเดียวได้

    กรมการกงสุล เปิดทำ Passport เล่มด่วน วันเดียวได้

    [column col=”1/2″]

     

    หนังสือเดินทาง (Passport) เป็นเอกสารสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่ง Passport มีอายุ 5ปี แต่จริงๆแล้วเวลาจะเดินทาง Passport ต้องมีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน จึงจะใช้เดินทางไปต่างประเทศได้

    ข่าวดี ดี๊ สำหรับผู้ที่มีความจำเป็น ต้องเดินทางไปต่างประเทศแบบกระทันหัน และเพิ่งจะมาทราบว่า Passport ของตัวเองกำลังจะหมดอายุ โดยตั้งแต่วันนี้ 8 เมษายน 2558 เป็นต้นไป กรมการกงสุล เปิดให้บริการทำ Passport เล่มด่วน วันเดียวได้

    [/column]
    [column col=”1/2″]

    [/column]

    ประเภทของบริการหนังสือเดินทาง

    1. บริการปกติ (ค่าธรรมเนียม 1,000 บาท)

    สำนักงานที่ให้บริการ
    – กรมการกงสุล
    – สำนักงานหนังสือเดินทางฯ บางนา-ศรีนครินทร์
    – สำนักงานหนังสือเดินทางฯ ปิ่นเกล้า
    – สำนักงานหนังสือเดินทางฯ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ (ให้บริการเฉพาะหนังสือเดินทางทูตและราชการ)

    ✔ รับเล่มด้วยตนเองได้ภายใน 2 วันทำการนับถัดจากวันยื่นคำร้อง
    ✔ รับเล่มทางไปรษณีย์ PSP ภายใน 2 วันทำการนับถัดจากวันยื่นคำร้อง (เฉพาะที่กรมการกงสุล) ค่าธรรมเนียม 60 บาท
    ✔ รับเล่มทางไปรษณีย์ EMS ภายใน 5-7 วันทำการนับถัดจากวันที่ยื่นคำร้อง ค่าธรรมเนียม 40 บาท

    – สำนักงานหนังสือเดินทางฯ ต่างจังหวัด 14 แห่ง

    ✔ รับเล่มทางไปรษณีย์ EMS ภายใน 5-7 วันทำการนับถัดจากวันที่ยื่นคำร้อง ค่าธรรมเนียม 40 บาท

    2. บริการหนังสือเดินทางเล่มด่วนได้รับเล่มในวันทำการถัดไป (ค่าธรรมเนียม 2,000 บาท)

    สำนักงานที่ให้บริการ
    – กรมการกงสุล
    – สำนักงานหนังสือเดินทางฯ บางนา-ศรีนครินทร์
    – สำนักงานหนังสือเดินทางฯ ปิ่นเกล้า
    – สำนักงานหนังสือเดินทางฯ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ แจ้งวัฒนะ (ให้บริการเฉพาะหนังสือเดินทางทูตและราชการ)
    – สำนักงานหนังสือเดินทางฯ ต่างจังหวัด 14 แห่ง

    ✔ ยื่นคำร้องและชำระเงินเสร็จสิ้นภายในเวลา 12.00 น. รับเล่มได้เฉพาะที่ฝ่ายจ่ายเล่ม กรมการกงสุล ตั้งแต่เวลา 9.00 น. ของวันทำการถัดไป

    ✔ ยื่นคำร้องและชำระเงินเสร็จสิ้นหลังเวลา 12.00 น. รับเล่มได้เฉพาะที่ฝ่ายจ่ายเล่ม กรมการกงสุล ตั้งแต่เวลา 12.00 – 16.30 น. ของวันทำการถัดไป

    3. บริการหนังสือเดินทางเล่มด่วนได้รับเล่มภายในวันทำการเดียวกัน (ค่าธรรมเนียม 3,000 บาท)

    สำนักงานที่ให้บริการ เฉพาะที่กรมการกงสุล

    ✔ ยื่นคำร้องและชำระเงินเสร็จสิ้นภายใน 12.00 น. ขอรับเล่มได้เฉพาะที่ฝ่ายจ่ายเล่ม กรมการกงสุล ตั้งแต่เวลา 15.30 – 16.30 น.

    หมายเหตุ : การให้บริการเล่มด่วนตามข้อ 2 และ 3 ให้บริการรวมกันวันละไม่เกิน 400 เล่ม และไม่มีบริการดังกล่าวสำหรับสำนักงานศูนย์บริการฯ กระทรวงแรงงาน และหน่วยหนังสือเดินทางเคลื่อนที่

    การบริการใหม่นี้ คงช่วยแก้ปัญหาให้กับผู้ที่ซื้อทัวร์และตั๋วเครื่องบินแล้ว แต่ลืมดูอายุของ Passport บางครั้งจึงทำให้เกิดปัญหาต้องเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง เพราะติดวันหยุดราชการยาว อย่างไรก็ดี นอกจากการตรวจอายุของ Passport แล้ว สำหรับผู้ที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศ คงต้องเผื่อเวลาในการยื่นขอวีซ่าไว้ด้วยสำหรับประเทศที่ต้องใช้วีซ่าเข้าประเทศด้วยนะคะ

    [column col=”1/3″]

    [/column]
    [column col=”2/3″]

     

    สนใจข้อมูลเรียนต่อต่างประเทศ ติดต่อ พี่สุ ได้ที่ 081 7532294 ค่ะ
    หรือ Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

    [/column]

    [space height=”HEIGHT”]

    ข้อมูลจาก กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ www.consular.go.th

  • testimonials “น้องหญิง” MIB – University of Wollongong , Australia

    testimonials “น้องหญิง” MIB – University of Wollongong , Australia

    [column col=”1/2″]

    วันนี้พี่สุขอพูดถึงหลักสูตรปริญญาโท ด้านบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ : Master of International Business – MIB เนื้อหา ของรายวิชา MIB มุ่งให้ผู้เรียน มีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการบริหารทั้งด้านทฤษฏีและด้านปฏิบัติ รวมทั้งมีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ มีทักษะและประสบการณ์การเรียน พร้อมสำหรับการทำงานและพัฒนาความรู้ในสาขาวิชาด้านการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ของโลกสังคมและวัฒนธรรม ที่มีความแตกต่างหลากหลายและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

    และพี่สุขอนำประสบการณ์ของ

    “น้องหญิง” ธิดารัตน์ วัชนะประพันธ์

    ที่เพิ่งจบการศึกษา MIB @ University of Wollongong, Australia มา share การเรียนและการใช้ชีวิตใน University of Wollongong ให้ฟังค่ะ

    [/column]

    [column col=”1/2″]

     

    [/column]

    เหตุผลที่เลือก Wollongong, Australia

     

    ความเป็นอยู่

    เหตุผลที่เลือกเรียนที่นี่เพราะชอบบรรยากาศค่ะ อากาศดีมาก เมืองติดทะเล เหมือนไปเที่ยวพักตากอากาศ ผู้คนไม่วุ่นวาย นักศึกษามหาวิทยาลัยก็หน้าตาดีค่ะ ฮ่าๆๆ

    [column col=”1/2″]

    สำหรับที่พัก หญิงอยู่ Campus East เป็น Uni Accommodation ที่นี่จะมีออสซี่อยู่เยอะค่ะ และมีกิจกรรมต่างๆให้เราทำ จะเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมก็ได้ค่ะ การอยู่หอพักของมหาวิทยาลัยจะทำให้เรารู้จักเพื่อนจากหลายๆประเทศเยอะค่ะ และความปลอดภัยสูง

    เรื่องการท่องเที่ยว ที่เมืองนี้จะเน้นการท่องเที่ยวในเชิงธรรมชาติค่ะ สำหรับการเดินทางจะมี free shuttle bus ไว้บริการ วันไหนเบื่อๆ เราก็นั่งชมเมืองเล่นๆได้ค่ะ ที่สำคัญตัว free bus จะผ่านที่สำคัญของเมืองนะคะ อย่างเช่นมหาวิทยาลัย CBD หอสมุด หรือจะเป็น North beach หาดอันเลื่องชื่อของเมืองค่ะ ชาวออสซี่หรือแม้แต่ต่างชาติอย่างเราๆก็จะไปปิคนิค BBQ กัน ที่หาดค่ะ เพราะจะมีเตา BBQ ติดตั้งไว้ให้ตรงชายหาดค่ะ (คนที่นั้นจะเรียก BBQ ว่าบาร์บี้ นะคะ) มากันที่สภาพอากาศก็ชิวค่ะ ช่วงหนาวๆนี่ก็ประมาณ 8-16 องศา ซึ่งก็ไม่ทรมานมากค่ะ เพราะถึงจะหนาวก็จะมีแดดอ่อนๆให้ความอบอุ่นค่ะ

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [column col=”1/2″]

     

    ด้านอาหารการกินคนที่ชอบอาหารไทยไม่อดตายแน่ค่ะ ร้านอาหารไทยมีบริการค่อนข้างเยอะ ลองนับคร่าวๆก็ประมาณ 6-7 ร้านที่สามารถเดินทางได้ด้วย free bus วันไหนอยากไป Sydney ก็สามารถนั่งรถไฟไปได้ประมาณ 1.30 ชั่วโมง สามารถโหลด Application ที่ชื่อ TripView ในการดูตารางรถรถไฟ ได้ค่ะ ความแม่นยำ 80-90% ถ้าเพื่อนๆต้องการบรรยากาศที่สงบเหมาะแก่การเรียน อากาศดีๆ ได้เรียนรู้วัฒนธรรมของชาวออสเตรเลีย แนะนำเมือง Wollongong เลยค่ะ

    [/column]

    [space height=”15″]

    ด้านการเรียน

    หญิงเลือกเรียนกับ UOW เพราะมหาวิทยาลัยมีชื่อเสียงดีค่ะ โอกาศการจบมาหางานทำได้ 5ดาว เทคนิคการเรียนการสอนก็ถูกจัดอันดับอยู่ที่ 4-5 ดาว หญิงลงเรียนภาษากับทางศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัย ก่อน 6เดือนค่ะ หลายคนอาจจะถามว่าทำไมไม่สอบ IELTS หรือ TOEFL ไปเลยล่ะจะได้ไม่ต้องเสียเวลา หรือเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม นั่นเป็นเพราะ การที่เราเรียนภาษากับทางมหาวิทยาลัยเราจะได้หลักการเขียนรายงาน และได้รู้จักกับเพื่อนจากหลายๆประเทศ หลายคนที่เอาคะแนนสอบวัดผลภาษาอังกฤษยื่นเข้ามหาวิทยาลัย แต่จะมาประสบปัญหาการทำรายงาน หรือกฎเกณฑ์ต่างๆเมื่อเริ่มเข้าเรียนจริงๆ แต่คนที่ไม่ลงเรียนภาษาก็ไม่ต้องกังวลนะคะ เมื่อเข้ามหาวิทยาลัย ทางมหาวิทยาลัยจะมีคอร์สอบรมการเขียนรายงานให้เราค่ะ ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ บรรยากาศการเรียนก็สนุกค่ะเจอเพื่อนต่างชาติได้แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน ตอนเรียนภาษาจะแยกเป็น ฟัง พูด อ่าน เขียน ในด้านการเขียนจะเน้นไปในทางการเขียน essay โดยใช้ academic language ค่ะ และจะมีสอบเก็บคะแนนเป็นระยะ สุดท้ายจะมีการสอบ final คะแนนการสอบจะเทียบได้กับคะแนน IELTS และ TOEFL นะคะ ต่อมาเมื่อสอบผ่านก็จะเข้าไปเป็นนักศึกษา MIB เต็มตัว การเรียนการสอนหลักจะแบ่งเป็น Lecture 2 ชั่วโมง Tutorial  1 ชั่วโมง อย่างหลังนี่จะให้เราทำกิจกรรม แบ่งกลุ่มทำ case study บ้าง ในส่วนนี้ก็จะเปิดโอกาศให้เราทำความรู้จักและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนในชั้นเรียนค่ะ ในด้านของการเก็บคะแนนหลักๆ ก็จะมี รายงาน 1 เล่ม สอบ midterm บางวิชาก็จะไม่มี midterm แต่จะเพิ่มเป็นตัวรายงานแทน แล้วก็สอบ final อีก 50% ค่ะ ถึงจะทำคะแนนเก็บมาดีแค่ไหนแต่ถ้าfinal ได้ไม่ถึง 50% ก็จะถูกปรับตกนะคะ ก็ต้องตั้งใจทำข้อสอบดีดีนะคะ ระหว่างเรียน MIB อาจารย์จะนำ case study ต่างๆที่เป็น real life มาสอนค่ะ การนำเหตุการณ์จริงทางธุรกิจมาสอนและโยงเข้ากับทฤษฎีในหนังสือทำให้เราเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นค่ะ ข่าวสารทุกอย่างจะถูกแจ้งผ่าน email มหาลัยส่วนตัวของเรานะคะ แนะนำให้ขยัน check email จากมหาวิทยาลัยค่ะ จะได้ไม่เสียผลประโยชน์ อย่างเช่นอาจารย์เลื่อนวันส่งงาน จะได้ไม่ต้องรีบปั่นงาน หรือรีบตื่นไปเรียน ฮ่าๆๆ

    สำหรับน้องๆหรือพี่ๆที่จะไปศึกษาต่อที่ UOW ก็สามารถสอบถามข้อมูลอื่นกับหญิงได้ตลอดค่ะ ยินดีมากๆด้วย ใครจะศึกษาต่อ MIB ก็สามารถติดต่อมาได้นะคะ หญิงเก็บไฟล์รายงานต่างๆไว้ค่ะ เผื่อจะใช้เป็นแนวทางได้(มั้ง) ฮ่าๆๆๆ สุดท้ายนี้ก็ขอขอบคุณ Exit Education โดยเฉพาะพี่สุ มากนะคะ ที่คอยช่วยเหลือประสานงานดำเนินเรื่องเอกสารต่างให้เป็นไปอย่างราบรื่น ขอบคุณค่ะ

    [space height=”HEIGHT”]
    [column col=”1/3″]

    [/column]
    [column col=”2/3″]

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อ พี่สุ ได้ที่ 081 7532294 ค่ะ
    หรือ Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

    [/column]

  • ใบรับรองผลการตรวจสุขภาพจาก IOM เพื่อการยื่นคำร้องขอวีซ่า (ตรวจวัณโรค)

    ใบรับรองผลการตรวจสุขภาพจาก IOM เพื่อการยื่นคำร้องขอวีซ่า (ตรวจวัณโรค)

    [column col=”1/2″]

    สวัสดีค่ะ วันนี้พี่เหมียวขอแนะนำน้องๆ ที่สนใจจะไปเรียนต่อประเทศอังกฤษนานเกิน 6 เดือน เกี่ยวกับการขอใบรับรองผลการตรวจสุขภาพจาก IOM เพื่อการยื่นคำร้องขอวีซ่า

    การเตรียมตัวเพื่อไปเรียนต่อประเทศอังกฤษ หลังจากเลือกสถาบันและทำเรื่องสมัครที่จะไปเรียนแล้ว ขั้นตอนต่อไปก่อนจะไปขอวีซ่าได้นั้น  น้องๆทุกคนที่ต้องการไปเรียนและพักอยู่ในประเทศอังกฤษเป็นเวลานานกว่า 6 เดือน จำเป็นต้องยื่นใบรับรองที่แสดงให้เห็นว่าท่านปลอดจากเชื้อวัณโรค (Tuberculosis – TB) ก่อนการยื่นคำร้องวีซ่า ข้อกำหนัดนี้บังคับใช้กับผู้สมัครในประเภทนักศึกษาระยะยาว, ผู้ถือใบอนุญาตทำงาน, คนงานท้องถิ่น,  คนงานอื่นๆ, ผู้ทำงานอาสาสมัคร (รวมถึงผู้ติดตาม)  และในประเภทการย้ายถิ่นฐานและแต่งงาน

    บุคคลที่ได้รับการยกเว้นจากการตรวจเชื้อวัณโรคคือ  ผู้ถือหนังสือเดินทางทูต และ  เด็กอายุต่ำกว่า 11 ปี

    ** ในกรณีที่ไม่ยื่นเอกสารใบรับรองนี้พร้อมกับเอกสารประกอบคำร้องขอวีซ่า ใบคำร้องจะถูกปฏิเสธและจะไม่มีการคืนเงินค่าธรรมเนียม **

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    ขั้นตอนการขอใบรับรองผลการตรวจสุขภาพจาก IOM เพื่อการยื่นคำร้องขอวีซ่า (ตรวจวัณโรค)

    ขั้นตอนที่ 1

    เตรียมเอกสารที่ใช้ในการตรวจสุขภาพ

    1. หนังสือเดินทาง (Passport) ที่มีอายุไม่น้อยกว่า 6 เดือน / ตัวจริง พร้อมสำเนา
    2. บัตรประจำตัวประชาชน / ตัวจริง พร้อมสำเนา
    3. รูปถ่ายสี ขนาด 3.5 x 4.5 ซม. พื้นหลังสีขาว จำนวน 2 ใบ
    4. ค่าธรรมเนียมในการตรวจสุขภาพ เงินสด จำนวน 3,300 บาท

    [space height=”15″]

    ขั้นตอนที่ 2

    ทำการจองวันเพื่อไปตรวจสุขภาพกับ IOM ที่ website https://register-uktb.iom.int/uktbdp-register/login.jsp (โดยต้องนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 1 วันหรือมากกว่านั้น)

    ขั้นตอนการลงทะเบียนออนไลน์จองวันตรวจสุขภาพ 

    ** โดยในขั้นตอนการลงทะเบียนออนไลน์จองวันตรวจสุขภาพนี้ ทาง Exit Education จะดำเนินการให้หมดเลยค่ะ ไม่ต้องกังวลเลยนะคะ พี่เหมียวเอาให้ดูเผื่อน้องๆ เก็บไว้เป็นข้อมูลค่ะ

     

    เมื่อจองเสร็จจะได้รหัสในการจอง ต้องนำรหัสนี้ไปแจ้งกับ IOM ในวันที่ไปตรวจสุขภาพ

    ขั้นตอนที่ 3

    เดินทางไปตรวจสุขภาพตามวันและเวลาที่จองไว้

    1. เดินทางไปที่ IOM ยื่นเอกสารและจ่ายค่าธรรมเนียมการลงทะเบียน เจ้าหน้าที่จะให้แบบฟอร์มลงทะเบียนแล้วเพื่อไปรับการเอ็กซเรย์ปอดที่โรงพยาบาล

    สถานที่ตั้ง IOM

    สำนักงานองค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน  (International Organization for Migration : IOM)
    เลขที่ 120 อาคารเกษมกิจ ชั้น 8 ถนนสีลม บางรัก กรุงเทพ ฯ 10500 ตรงข้าม CP Tower
    Tel : 66 2-234-7950-5 , Fax : 66 2-234-7956
    E-mail : bkk.tbdp.uk@iom.int
    เวลาทำการ : จันทร์ – ศุกร์ 8:00 น. – 17:00 น. (ยกเว้นวันหยุดประจำปีของ IOM)

    การเดินทาง
    – BTS สถานีศาลาแดง ทางออก 3 เดินประมาณ 300 เมตร
    – MRT สถานีสีลม ออกทางออก 2 เดินประมาณ 400 เมตร

     

     2. ไปโรงพยาบาลเพื่อเอ็กซเรย์ปอด

    สามารถเลือกเข้ารับการตรวจทางการแพทย์ของโรงพยาบาล 3 แห่ง ดังนี้

      • โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน
        เลขที่ 124 ถ.สีลม กรุงเทพฯ 10500 โทร 02-2351000
        โดยโรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน ห่างจาก IOM (อาคารเกษมกิจ) ประมาณ 100 เมตร
      • โรงพยาบาลพญาไท 2
        เลขที่ 943 ถนนพหลโยธิน สามเสนใน พญาไท กรุงเทพฯ 10400 โทร 02-6172444
      • โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
        เลขที่ 33 ถนนสุขุมวิท ซอย 3 วัฒนา กรุงเทพฯ 10110 โทร 02-6671000

    3. เมื่อเอ็กซเรย์ปอดที่โรงพยาบาลเสร็จแล้ว ให้นำฟิล์มเอ็กซเร์กลับมาให้คุณหมอที่ IOM อ่านผล ภายในวันเดียวกันก่อน 15.00 น

    การออกหนังสือรับรองจากแพทย์

      • กรณีผลการตรวจปกติ คุณหมอจะออกหนังสือรับรองให้ภายในวันเดียวกันเลย
        แต่ถ้าน้องๆ นำผลการเอ็กซเรย์มาส่งที่ IOM หลังเวลา 15.00 น. น้องๆจะได้หนังสือรับรองในวันถัดไป
      • กรณีผลเอ็กซเรย์ปอดพบความผิดปกติใด ๆ หรือมีอาการบ่งชี้อื่นๆ ต้องเข้ารับการตรวจเพิ่มเติมในเบื้องต้น น้องๆจะต้องเข้ารับการตรวจเสมหะซึ่งจะต้องใช้เวลาสามวันทำการนับจากวันตรวจเอ็กซเรย์ปอดครั้งแรก ถ้าผลปกติก็จะได้ใบรับรอง
      • กรณีผลการเอ็กซเรย์ปอดของน้องๆพบความผิดปกติใดๆ ที่เข้าข่ายลักษณะของการเป็นวัณโรค ระยะติดต่อ หรือมีอาการบ่งชี้อื่นๆ นอกจากการตรวจเสมหะแล้ว คุณหมอจะให้ตรวจเพาะเชื้อเสมหะด้วย การตรวจเพาะเชื้อเสมหะใช้เวลา 8 สัปดาห์

    น้องๆ ท่านใดแน่ใจว่าต้องการไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ ควรจะทำการตรวจสุขภาพกับ IOM แต่เนิ่นๆ เพราะใบรับรองจาก IOM มีอายุการใช้งานได้ภายใน 6 เดือนค่ะ

    น้องๆ ต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
    ติดต่อ พี่เหมียว (จงดี อิ่มโอชา) ได้ที่ 080-5548859 นะคะ

    หรือ Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

  • เรียนต่อต่างประเทศให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด (ต่อ)

    เรียนต่อต่างประเทศให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด (ต่อ)

     

    อย่างที่สัญญาไว้ค่ะ… ครั้งนี้พี่แพตตี้จะเปรียบเทียบการเรียนต่อต่างประเทศกับที่เรียนที่เมืองไทยให้ฟังนะคะ

    เมื่อเทียบกับการที่เรียนที่เมืองไทย หากคนที่ไม่มีโอกาสได้เรียนหรือทำงานที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษบ่อยๆนั้น ลิ้นเราก็จะแข็ง จะพูดภาษาอังกฤษได้ยากด้วยโอกาสใช้นั้นน้อยหรือไม่มีเลย เวลาเราเรียนพิเศษที่ไทยเราก็จะคืนคุณครูทุกครั้งที่เราเดินออกจากห้องเรียน ลืมสิ้นทุกสิ่งอย่าง ดังนั้นการที่ได้มีโอกาสไปเรียนภาษาที่ต่างประเทศนั้น ก็เป็นปัจจัยสำคัญทำให้ภาษาของเราดีขึ้นได้ด้วยสภาพแวดล้อมค่ะ ภายในเวลาอันรวดเร็วอีกด้วย

     

    นอกจากนี้เวลาที่เราอยู่ห่างไกลพ่อแม่ หากมีปัญหาเราก็ต้องหัดแก้ไข ตัดสินใจด้วยตัวเอง ต้องรู้จักดูแลตัวเองให้ได้ วางแผนการใช้จ่ายเงินให้ดี ทำให้เรารู้คุณค่าของสตางค์มากขึ้น และถ้าเราได้สมัครงาน Part time ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ หาค่าขนมใช้เองได้ แบ่งเบาภาระทางบ้านได้บ้าง เราก็จะยิ่งเกิดความภาคภูมิใจ ยิ่งถ้าภาษาอังกฤษของเราดีขึ้นเรื่อยๆ งานที่จะได้ทำก็จะดีขึ้นเช่นกัน เห็นไหมล่ะคะว่าการไปเรียนที่ต่างประเทศนั้น ได้อะไรมากมายกว่าที่เราคิดจริงๆ

    ได้ภาษา ได้เรียนรู้วัฒนธรรมที่หลากหลาย เข้าใจผู้อื่นมากขึ้น ได้เพื่อนและมิตรภาพดีๆต่างเชื้อชาติ และนี่ก็คือที่มาของคำว่าการมี connection นั่นเองค่ะ ได้รับโอกาสดีๆมากมายที่เราต้องเป็นผู้เสาะแสวงหาและหยิบยื่นให้ตนเอง และที่สำคัญได้วุฒิการศึกษาและความรู้ เพื่อสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพของตนในวันข้างหน้าต่อไป เม็ดเงินที่เราจ่ายไปตอนที่เราเรียนนั้น มันจะย้อนกลับมาตอบแทนเราเท่าทวีคูณทั้งในรูปแบบของความรู้ความสามารถและหน้าที่การงานที่ดีค่ะ

    [space height=”HEIGHT”]

    การศึกษาไม่ใช่แค่การลงทุนเพียงทุนทรัพย์เท่านั้น แต่เราต้องลงทุนทั้งแรงกาย แรงใจ ผสมผสานกันค่ะ ถ้าเรามีโอกาสออกไปแตะขอบฟ้า สู่โลกกว้าง จงอย่ารอรอหรือลังเลนะคะ อายุของเราเพิ่มขึ้นทุกวันตามกาลเวลาที่เดินหน้าทุกวินาที เราเองต้องก้าวตามไปข้างหน้า ไม่ย่ำอยู่กับที่ โลกแห่ง AEC ได้เริ่มขึ้นแล้วค่ะ เราก็ต้องเตรียมความพร้อมให้ดีนะคะ เชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพมากพอที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ประเทศชาติของเราพัฒนาต่อไปค่ะ อย่าลืมนะคะว่าทุกวันนี้โลกต้องการคนเก่งและมีประสบการณ์ค่ะ
    สนใจข้อมูลเรียนต่อติดต่อ Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714 นะคะ

     

     

    Exit Education ของเรามีทีมงานคอยอำนวยความสะดวกในทุกขั้นตอน โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้นค่ะ

    • ให้คำปรึกษา แนะนำหลักสูตร พร้อมเอกสารข้อมูลที่ถูกต้อง
    • แนะนำสถาบันการศึกษาที่เหมาะสมกับคุณสมบัติและงบประมาณของนักเรียน
    • ดำเนินการขอวีซ่า จองตั๋วเครื่องบิน ที่พัก และรถรับ-ส่ง
    • ปฐมนิเทศ เตรียมความพร้อมก่อนเดินทาง
    • ดูแลประสานงานระหว่างนักเรียน สถาบัน และผู้ปกครอง ตลอดเวลาที่นักเรียนเรียนอยู่ต่างประเทศ พร้อมทั้งติดตามผลจนจบหลักสูตร

     

    Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714

  • เรียนต่อต่างประเทศให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด

    เรียนต่อต่างประเทศให้อะไรมากกว่าที่คุณคิด

    [column col=”1/2″]

    หลายคนคงคิดว่าการไปเรียนต่อต่างประเทศนั้นเป็นเหมือน Trend หรือมองว่าดูดี โก้เก๋ มีระดับเท่านั้น หากแต่ที่จริงแล้ว การไปศึกษาต่อต่างประเทศนั้นให้อะไรมากมายกว่าที่คุณคิดแน่นอนค่ะ

    จริงๆแล้วใครหลายคนอาจคิดว่าเรียนที่ไทยหรือที่ไหนก็เหมือนๆกัน ไม่เห็นจำเป็นจะต้องไปเรียนไกลบ้านเลย อันนั้นก็จริงค่ะหากเราตั้งใจเรียนแล้ว เรียนที่ไหนก็มีคุณค่ามีประโยชน์และนำความรู้ไปใช้ประกอบอาชีพได้เช่นกันค่ะ

    แต่การมีโอกาสไปเรียนต่อต่างประเทศนั้นมันไม่ใช่แค่วิชาการ ความรู้ ประกาศนียบัตร หรือใบปริญญาเท่านั้นที่เราจะได้รับจากในรั้วโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย หากแต่นอกรั้วมหาวิทยาลัยนั้น ยังมีสิ่งต่างๆมากมายรอให้เราได้เรียนรู้ นั่นคือ “มหาวิทยาลัยชีวิต”

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    [column col=”1/2″]

     

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    เชื่อเถอะค่ะว่าไม่ใช่แค่สำเนียงภาษาอังกฤษที่ถูกต้องที่เราจะมีเพื่อนๆคอยพูดกับเราทั้งวี่วัน จากที่เราอาจกลัวที่จะพูดในช่วงแรก จากคนที่กลัวฝรั่งเห็นแล้วต้องวิ่งหนีทุกครั้งไป เปลี่ยนเป็นเคยชิน เพราะมันต้องใช้ทุกวันค่ะ หากใครอยู่กับ Host Family ยังไงตื่นเช้ามาก็ต้องมี Good morning กันอยู่แล้ว ไหนจะคำถามอื่นๆจากโฮสอีก “เมื่อคืนหลับสบายไหม?”, “ทานอะไรดีเช้านี้?”, “วันนี้มีเรียนกี่โมง?” และอื่นๆมากมาย ถ้าเราไม่ตอบเค้าก็จะถามใหม่ พยายามหาเรื่องคุยกับเรา อันที่จริงเราเสียเงินค่าที่พักและอาหารแล้ว มีอาจารย์สอนภาษาอังกฤษฟรีๆ แถมมาให้เราทุกวันแบบนี้ก็ดีไม่ใช่น้อยเลยใช่ไหมล่ะคะ? ปกติถ้าเรียนต้องการจ้างอาจารย์ฝรั่งมาสอนพิเศษส่วนตัวที่บ้านนี่ราคาไม่ใช่ถูกๆนะคะ ชั่วโมงละเป็นพันหรือหลายพันบาท แต่ผู้ที่มีโอกาสได้ไปเรียนไปใช้ชีวิตกับโฮสแบบนี้แล้วยังไงก็พูดๆไปเถอะค่ะ ถูกผิดค่อยว่ากัน พูดไปแรกๆ อาจจะผิดรูปประโยค แล้วเดี๋ยวเจ้าของภาษาเค้าก็จะช่วยขัดเกลาให้มันถูกเองนะคะ พูดทุกๆ วันเข้าเราก็ชินและพูดได้ดี อาจได้สำเนียงแบบต้นฉบับแถมมาอีกด้วยแน่ะ อันนี้ถือเป็นกำไรล้วนๆนะคะ

    [/column]

    [space height=”15″]

    [column col=”1/2″]

     

    ตื่นมามีคนพูดภาษาอังกฤษกับเราแล้ว พอจะนั่งรถประจำทางไปเรียนนี่สิยังไงก็ต้องมีภาษาอังกฤษเข้ามาเกี่ยวข้อง ไหนจะต้องเดินไปที่ป้ายรถเมล์ ดูว่าสายไหนเบอร์อะไรจะมากี่โมง ต้องจ่ายเท่าไหร่ พอได้ขึ้นรถคนขับรถเค้าก็กล่าวทักทายโดยมารยาทเราก็ต้องทักทายกลับ ขึ้นรถไปเจอเพื่อนร่วมห้องที่เรียนด้วยกันเป็นชาวต่างชาคิ ก็ต้องทักทายกันถามไถ่สารทุกข์สุขดิบตามประสา ได้ฝึกภาษาอีกแล้วสินะ ถึงโรงเรียนก็ต้องทักทายอาจารย์ที่สอนและเพื่อนๆ เข้าห้องเรียนก็ได้ใช้ภาษารับความรู้กันแบบเต็มๆ ออกจากห้องตอนพักเที่ยง หิวแล้วไปหาอะไรอร่อยๆ ทานดีกว่า ก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารกับแม่ค้าร้านต่างๆ หากคิดคำศัพท์ไม่ได้ก็ต้องพยายามค้นคว้า อธิบาย หรือพูดตามรูปเมนูที่มีคำประกอบใต้ภาพ ทีนี้เราจะจำชื่อเมนูอาหารนั้นๆได้ขึ้นใจเลยทีเดียว

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    ช่วงบ่ายกลับเข้าเรียนต่อ ใช้ภาษาอังกฤษอีกแล้ว! เลิกเรียนต้องปรึกษาเพื่อนๆ ทำการบ้านส่งอาจารย์ เพื่อนในห้องแม้จะไม่ใช่เจ้าของภาษาอังกฤษ แต่หากเป็นต่างชาติแล้วล่ะก็ เราก็หนีการใช้ภาษาอังกฤษไม่พ้นหรอกค่ะ ยิ่งถ้าเรามีเพื่อนหลากหลายชาติแค่ไหน เราก็จะได้เรียนรู้วัฒนธรรมของพวกเค้าที่แตกต่างกันออกไปและยังได้เผยแพร่วัฒนธรรมดีงามของไทยเราให้เพื่อนๆด้วย อันนี้ไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มค่ะ เราจ่ายแค่ค่าเรียนอย่างเดียว สิ่งแวดล้อม เพื่อนฝูง การเรียนรู้ ประสบการ์ต่างๆ เราต้องหาเอาเอง เงินซื้อไม่ได้ และประเมิณค่าไม่ได้เช่นกัน

    [column col=”1/2″]

    เมื่อเรามีเพื่อนหลากหลายชาติ เราก็มีโอกาสฟังภาษาอังกฤษในสำเนียงที่ต่างกันออกไป อย่าเลือกสำเนียงที่จะฟังนะคะ อย่ามีอคติ คนเรามีภาษาของตัวเอง ใช้พูด ฟัง อ่าน เขียน มาหลายชั่วอายุคน ไม่ผิดหากเค้าจะติดสำเนียงภาษาบ้านเค้าปะปนเวลาพูดอังกฤษกับเรา แม้แต่เราคนไทยก็เช่นกันนะคะ เราเองก็มีสำเนียงไทยที่เวลาพูดภาษาอังกฤษออกไปอาจจะยังไม่ชัดดีนัก เราก็ฝึกกันได้ค่ะ เพื่อนในห้องอาจเป็นชาวจีน เกาหลี กลุ่มประเทศยุโรปที่ภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาราชการ อินเดีย หรืออื่นๆอีกมากมาย เวลาสื่อสารกันเราก็ต้องใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางในการสื่อสารใช่ไหมคะ ดังนั้นถ้าเราฟังเพื่อนๆเราออกทุกสำเนียง ตั้งใจฝึกฝนภาษาอังกฤษในห้องเรียนกับอาจารย์เจ้าของภาษา ฝึกพูดจนชำนาญ และตั้งใจเรียนให้มาก บวกกับสภาพแวดล้อมดังกล่าวนี้แล้ว ยังไงซะภาษาอังกฤษของเราก็จะพัฒนาขึ้นได้ภายในระยะเวลาอันสั้นค่ะ

    [/column]

    [column col=”1/2″]

    [/column]

    [space height=”15″]

    ในรีวิวครั้งหน้า พี่แพตตี้จะเปรียบเทียบการเรียนต่อต่างประเทศกับที่เรียนที่เมืองไทยให้ฟังค่ะ รอติดตามนะคะ

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
    Exit Education สำนักงานกรุงเทพฯ โทร. 02 1023746-7 , สาขาเชียงใหม่ โทร. 053-141714